เมนู

9. จูฬสกุลุทายิสูตร


สกุลุทายิปริพาชก


[367] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้.
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทก-
นิวาปสถาน เขตพระนครราชคฤห์ สมัยนั้น สกุลุทายิปริพาชก อยู่ใน
ปริพาชการามเป็นที่ให้เหยื่อแก่นกยูง พร้อมด้วยปริพาชกบริษัทหมู่ใหญ่. ครั้ง
นั้นเวลาเช้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งแล้ว ทรงถือบาตรจีวรเสด็จเข้าไปบิณฑ-
บาตยังกรุงราชคฤห์ ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงดำริว่า การเที่ยว
บิณฑบาตในกรุงราชคฤห์ยังเช้านัก อย่ากระนั้นเลย เราพึงเข้าไปหาสกุลุทายิ-
ปริพาชก ยังปริพาชการามอันเป็นที่ให้เหยื่อแก่นกยูงเถิด ลำดับนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปยังปริพาชการาม อันเป็นที่ให้เหยื่อแก่นกยูง.

ติรัจฉานกถา


[368] ก็สมัยนั้น สกุลุทายิปริพาชกนั่งอยู่กับปริพาชกบริษัทหมู่
ใหญ่ซึ่งกำลังสนทนาติรัจฉานกถาต่างเรื่อง ด้วยเสียงอื้ออึงอึกทึก คือ พูดเรื่อง
พระราชา ฯ ล ฯ เรื่องความเจริญและความเสื่อมด้วยประการนั้น สกุลุทายิ
ปริพาชกได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้ากำลังเสด็จมาแต่ไกล ครั้นแล้วจึงห้ามบริษัท
ของตนให้สงบว่า ขอท่านทั้งหลายจงเบา ๆ เสียงหน่อย อย่าส่งเสียงอึงนัก
นี่พระสมณโคดมกำลังเสด็จมา พระองค์ท่านทรงโปรดเสียงเบาและสรรเสริญ
คุณของเสียงเบา บางทีพระองค์ท่านทรงทราบว่า. บริษัทมีเสียงเบา พึงทรง
สำคัญที่จะเสด็จเข้ามาก็ได้. ลำดับนั้น พวกปริพาชกเหล่านั้นพากันนิ่งอยู่ ครั้ง

นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปหาสกุลุทายิปริพาชกจนถึงที่อยู่ สกุลุทายิ-
ปริพาชกได้กราบทูลเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จมาเถิด พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาดีแล้ว นาน ๆ พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงจะมีโอกาสเสด็จมาถึงนี่ได้ ขอเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่ง
เถิด นี้อาสนะที่จัดไว้ พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับนั่งบนอาสนะที่จัดไว้ ส่วน
สกุลุทายิปริพาชกถือเอาอาสนะต่ำแห่งหนึ่ง นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสถามสกุลุทายีปริพาชกผู้นั่งเรียบร้อยแล้วว่า ดูก่อนอุทายี เมื่อกี้
นี้ ท่านทั้งหลายนั่งประชุมสนทนาเรื่องอะไรกัน ก็แหละเรื่องอะไรที่ท่าน
ทั้งหลายหยุดค้างไว้ในระหว่าง.
[369] สกุลุทายิปริพาชกกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องที่
ข้าพระองค์ทั้งหลายประชุมสนทนากันเมื่อกี้นี้นั้น ของดไว้ก่อน เรื่องนั้นพระผู้-
มีพระภาคเจ้าจักได้ทรงสดับในภายหลังโดยไม่ยาก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อ
เวลาข้าพระองค์ไม่ได้เข้าไปหาบริษัทหมู่นี้ บริษัทหมู่นี้ก็นั่งพูดกันถึงติรัจฉาน-
กถาต่างเรื่อง แต่เมื่อเวลาข้าพระองค์เข้าไปหาบริษัทหมู่นี้ บริษัทหมู่นี้ก็นั่ง
มองดูแต่หน้าข้าพระองค์ด้วยมีความประสงค์ว่า ท่านอุทายี พระสมณโคดม
จักภาษิตธรรมใดแก่เราทั้งหลาย เราทั้งหลายจักฟังธรรมนั้น ดังนี้ และเมื่อ
เวลาพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปหาบริษัทหมู่นี้ ทั้งข้าพระองค์และบริษัท
หมู่นี้ก็นั่งมองดูพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยมีประสงค์ว่า พระผู้มี-
พระภาคเจ้าจักทรงภาษิตธรรมใดแก่เราทั้งหลาย เราทั้งหลายจักฟังธรรมนั้น.
พ. ดูก่อนอุทายี ถ้าอย่างนั้น ปัญหาจงปรากฏแก่ท่าน ซึ่งเป็นเหตุ
ที่จะให้ธรรมเทศนาปรากฏแก่เรา.

[370] ส. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันก่อน ๆ หลายวันมาแล้ว ท่าน
ผู้สัพพัญญูสัพพทัสสาวี [ผู้สารพัดรู้สารพัดเห็น] มาปฏิญาณความรู้ความเห็น
อันไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเดินไป หยุดอยู่ หลับและตื่น ความรู้ความเห็น
ปรากฏอยู่เสมอร่ำไป ดังนี้ ท่านผู้นั้นถูกข้าพระองค์ถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วน
อดีตก็เอาเรื่องอื่นมาพูดกลบเกลื่อน พูดเฉไปเสียนอกเรื่อง ได้ทำความโกรธ
โทสะ และความไม่พอใจให้ปรากฏ ข้าพระองค์เกิดสติปรารภพระผู้มีพระภาค-
เจ้าเท่านั้นว่า โอ ผู้ฉลาดในธรรมเหล่านี้ จะเป็นผู้ใดเล่า ต้องเป็นพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเป็นแน่ ต้องเป็นพระสุคตเป็นแน่.
พ. ดูก่อนอุทายี ก็ท่านผู้สารพัดรู้สารพัดเห็นนั้น มาปฏิญาณความรู้
ความเห็นอันไม่มีส่วนเหลือ. . . ได้ทำความโกรธ โทสะ และความไม่พอใจ
ให้ปรากฏ เป็นใครเล่า.
ส. นิครนถ์นาฏบุตร พระเจ้าข้า.
ห.

ว่าด้วยขันธ์ส่วนอดีตและอนาคต


[371] ดูก่อนอุทายี ผู้ใดพึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือ
ระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ พึงระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก
พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้ ผู้นั้นควรถามปัญหาปรารภ
ขันธ์ส่วนอดีตกะเรา หรือเราควรถามปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีตกะผู้นั้น ผู้
นั้นจะพึงยังจิตของเราให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์ส่วนอดีต
หรือเราจะพึงยังจิตของผู้นั้นให้ยินดีได้ ด้วยการพยากรณ์ปัญหาปรารภขันธ์
ส่วนอดีต.
ดูก่อนอุทายี ผู้ใดพึงเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต
มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์