เมนู

ทั้งหลาย ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม จงยกไว้ พวกอุบาสิกาทั้งหลาย
ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาวเป็นสพรหมจารี ก็จงยกไว้ ส่วนอุบาสิกาแม้คนหนึ่ง ผู้เป็น
สาวิกาของท่านพระโคดมฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ทำตามคำสอน
ผู้ทำเฉพาะโอวาท มีวิจิกิจฉาอันข้ามได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง ถึง
ความเป็นผู้แกล้วกล้าไม่เชื่อต่อผู้อื่นในคำสอนของศาสนา มีอยู่หรือ.
ดูก่อนวัจฉะ พวกอุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของเรา ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว
บริโภคกาม ทำตามคำสอน ผู้ทำเฉพาะโอวาท มีวิจิกิจฉาอันข้ามได้แล้ว
ปราศจากความเคลือบแคลง ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เชื่อต่อผู้อื่นในคำสอน
ของศาสดาอยู่นั้น มีไม่ใช่แต่ร้อยเดียว ไม่ใช่สองร้อย ไม่ใช่สามร้อย ไม่ใช่
สี่ร้อย ไม่ใช่ห้าร้อย ที่แท้มีอยู่มากทีเดียว.

ความเป็นผู้บำเพ็ญธรรมให้บริบูรณ์


[257] ข้าแต่ท่านพระโคดม ก็ถ้าท่านพระโคดมเท่านั้นจักได้บำเพ็ญ
ธรรมนี้ให้บริบูรณ์ ส่วนพวกภิกษุจักไม่ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ไซร้ เมื่อเป็น
เช่นนี้พรหมจรรย์นี้จักไม่บริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น แต่เพราะท่านพระโคดมได้
เป็นผู้บำเพ็ญธรรมให้บริบูรณ์ และพวกภิกษุก็บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อเป็น
เช่นนี้ ถ้าท่านพระโคดมจักได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์แล้วก็ดี พวกภิกษุได้
บำเพ็ญให้บริบูรณ์แล้วก็ดี แต่พวกภิกษุณีจักไม่ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์แล้ว เมื่อ
เป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้จักไม่บริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น แต่เพราะท่านพระ-
โคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์และพวกภิกษุก็บำเพ็ญให้บริบูรณ์ ทั้งพวก
ภิกษุณีก็บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้พรหมจรรย์นี้ จึงบริบูรณ์ได้ด้วย
เหตุนั้น.

[258] ข้าแต่ท่านพระโคดม ก็ถ้าท่านพระโคดมจักได้บำเพ็ญธรรม
นี้ให้บริบูรณ์ และพวกภิกษุจักได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ ทั้งพวกภิกษุณีจักได้
บำเพ็ญให้บริบูรณ์แล้ว แต่พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี
จักไม่บำเพ็ญให้บริบูรณ์แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้ก็จักไม่บริบูรณ์ได้
ด้วยเหตุนั้น แต่เพราะท่านพระโคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์ พวกภิกษุ
ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกภิกษุณีได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ และพวกอุบาสกฝ่าย
คฤหัสถ์นุ่งผ้าขาวเป็นสพรหมจารี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้
พรหมจรรย์นี้จึงบริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น.
ข้าแต่ท่านพระโคดม ก็ถ้าท่านพระโคดมจักได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้
บริบูรณ์ พวกภิกษุจักได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกภิกษุณีจักได้บำเพ็ญให้
บริบูรณ์ และพวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี จักได้บำเพ็ญ
ให้บริบูรณ์ แต่พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ไม่บำเพ็ญให้
บริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้ก็จักไม่บริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น แต่
เพราะท่านพระโคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์ พวกภิกษุได้บำเพ็ญให้
บริบูรณ์ พวกภิกษุณีได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว
เป็นสพรหมจารี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ และพวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว
บริโภคกาม ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้จึงบริบูรณ์
ได้ด้วยเหตุนั้น.
ข้าแต่ท่านพระโคดม ก็ถ้าท่านพระโคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์
พวกภิกษุได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกภิกษุณีได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสก
ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ และพวก

อุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์ นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์แล้ว แต่
พวกอุบาสิกาฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจาริณี ก็ไม่บำเพ็ญให้บริบูรณ์
แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้ก็จักไม่บริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น แต่เพราะท่าน
พระโคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์ พวกภิกษุใดบำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวก
ภิกษุณีได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี
ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกามได้บำเพ็ญ
ให้บริบูรณ์ และพวกอุบาสิกาฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจาริณีได้
บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้จึงบริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น.
ข้าแต่ท่านพระโคดม ก็ถ้าท่านพระโคดมได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์
พวกภิกษุได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกภิกษุณีได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสก
ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสก
ฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกามได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ พวกอุบาสิกาฝ่าย
คฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจาริณี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ แต่พวก
อุบาสิกาฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ไม่ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ เมื่อ
เป็นเช่นนี้พรหมจรรย์นี้ก็จักไม่บริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น แต่เพราะท่านพระโคดม
ได้บำเพ็ญธรรมนี้ให้บริบูรณ์ พวกภิกษุได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์ ภิกษุณีได้บำเพ็ญ
ให้บริบูรณ์ พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจารี ได้บำเพ็ญให้
บริบูรณ์ พวกอุบาสกฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์
พวกอุบาสิกาฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว เป็นสพรหมจาริณี ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์
และพวกอุบาสิกาฝ่ายคฤหัสถ์นุ่งผ้าขาว บริโภคกาม ได้บำเพ็ญให้บริบูรณ์
เมื่อเป็นเช่นนี้ พรหมจรรย์นี้จึงบริบูรณ์ได้ด้วยเหตุนั้น.

ปริพาชกวัจฉโคตรขอบรรพชา


[259] ข้าแต่ท่านพระโคดม เปรียบเหมือนแม่น้ำคงคา มีแต่จะ
น้อมไป โอนไป เบนไปสู่สมุทร คงจรดสมุทรอยู่ ฉันใด บริษัทของท่าน
พระโคดมซึ่งมีคฤหัสถ์และบรรพชิต ก็ฉันนั้น มีแต่จะน้อมไป โอนไป เป็นไป
สู่พระนิพพาน คงจรดพระนิพพานอยู่ ฉันนั้น.
ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดม
ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของ
ที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตามประทีปในที่มืดด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจัก
เห็นรูปฉันใด ท่านพระโคดมทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ฉันนั้น
เหมือนกัน ข้าพระองค์นี้ขอถึงท่านพระโคดม พระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่า
เป็นสรณะ ข้าพระองค์พึงได้บรรพชา อุปสมบท ในสำนักของท่านพระ-
โคดม.
ดูก่อนวัจฉะ ผู้ใดเคยเป็นอัญญเดียรถีย์หวังจะบรรพชาอุปสมบทใน
ธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจะต้องอยู่ปริวาสให้ครบสี่เดือน โดยล่วงสี่เดือนไป พวก
ภิกษุเต็มใจแล้ว จึงจะให้บรรพชา อุปสมบท เพื่อความเป็นภิกษุได้ ก็แต่
ว่าเรารู้ความต่างกันแห่งบุคคลในข้อนี้.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าชนทั้งหลายที่เคยเป็นอัญญเดียรถีย์เมื่อหวัง
จะบรรพชาอุปสมบทในธรรมวินัยนี้ จะต้องอยู่ปริวาสให้ครบสี่เดือน โดยล่วง
สี่เดือนไป พวกภิกษุเต็มใจแล้ว จึงจะให้บรรพชาอุปสมบทเพื่อความเป็นภิกษุ
ได้ไซร้ ข้าพระองค์จักอยู่ปริวาสให้ครบสี่ปี โดยล่วงสี่ปีไป ภิกษุทั้งหลาย
เต็มใจแล้ว จึงให้ข้าพระองค์บรรพชาอุปสมบท เพื่อความเป็นภิกษุเถิด ปริพาชก
วัจฉโคตร ได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.