เมนู

3. มหาวัจฉโคตตสูตร


เรื่องปริพาชกวัจฉโคตร


[253] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้.
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน-
กลันทกกนิวาปะ
เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ปริพาชกวัจฉโคตรเข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้น
ผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว นั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ได้กราบทูลว่า
ข้าพเจ้าเคยกล่าวกับท่านพระโคดมเป็นเวลานานแล้ว ข้าพเจ้าขอโอกาส ขอ
ท่านพระโคดมจงทรงแสดงธรรมทั้งที่เป็นกุศล ทั้งที่เป็นอกุศล แก่ข้าพเจ้า
โดยย่อเถิด.
พ. ดูก่อนวัจฉะ เราพึงแสดงธรรมทั้งที่เป็นกุศล ทั้งที่เป็นอกุศล
แก่ท่านโดยย่อก็ได้ โดยพิศดารก็ได้ ก็แต่ว่าเราจักแสดงธรรมทั้งที่เป็นกุศล
ทั้งที่เป็นอกุศล แก่ท่านโดยย่อ ท่านจงฟังธรรมนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจัก
กล่าว ปริพาชกวัจฉโคตรทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อย่างนั้น
ท่านพระโคดมผู้เจริญ.

ธรรมที่เป็นอกุศลและกุศล


[254] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนวัจฉะ โลภะแลเป็น
อกุศล อโลภะเป็นกุศล โทสะเป็นอกุศล อโทสะเป็นกุศล โมหะเป็นอกุศล
อโมหะเป็นกุศล ดูก่อนวัจฉะ ธรรม 3 ข้อนี้เป็นอกุศล ธรรม 3 ข้อ
นี้เป็นกุศล ด้วยประการฉะนี้แล. ดูก่อนวัจฉะ ปาณาติบาตแลเป็นอกุศล

เจตนาเครื่องงดเว้นจากปาณาติบาตเป็นกุศล อทินนาทานเป็นอกุศล เจตนา
เครื่องงดเว้นจากอทินนาทานเป็นกุศล กาเมสุมิจฉาจารเป็นอกุศล เจตนาเครื่อง
งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นกุศล มุสาวาทเป็นอกุศล เจตนาเครื่องงดเว้น
จากมุสาวาทเป็นกุศล ปิสุณาวาจาเป็นอกุศล เจตนาเครื่องงดเว้นจากปิสุณา-
วาจาเป็นกุศล ผรุสวาจาเป็นอกุศล เจตนาเครื่องงดเว้นจากผรุสวาจาเป็นกุศล
สัมผัปปลาปะเป็นอกุศล เจตนาเครื่องงดเว้นจากสัมผัปปลาปะเป็นกุศล อภิชฌา
เป็นอกุศล อนภิชฌาเป็นกุศล พยาบาทเป็นอกุศล อัพยาบาทเป็นกุศล มิจฉา-
ทิฏฐิเป็นอกุศล สัมมาทิฏฐิเป็นกุศล ดูก่อนวัจฉะ ธรรม 10 ข้อนี้เป็นอกุศล
ธรรม 10 ข้อนี้เป็นกุศล ด้วยประการฉะนี้แล ดูก่อนวัจฉะ เพราะตัณหา
อันภิกษุละได้แล้ว มีมูลรากอันขาดแล้ว ทำให้เป็นดุจตาลยอดด้วน ถึงความ
ไม่มี มีอันไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา ภิกษุนั้นเป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่
จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว มีภาระอันปลงเสียแล้ว มีประโยชน์
ของตนถึงแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นแล้ว พ้นวิเศษแล้วเพราะรู้โดยชอบ.

ภิกษุปุจฉา


[255] ท่านพระโคดมจงยกไว้ ก็ภิกษุรูปหนึ่ง ผู้เป็นสาวกของท่าน
พระโคดม ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ
สิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันแล้ว เข้าถึงอยู่ มีอยู่หรือ.
ดูก่อนวัจฉะ พวกภิกษุผู้เป็นสาวกของเรา ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ
ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง
ในปัจจุบันแล้ว เข้าถึงอยู่นั้น มีมิใช่แต่ร้อยเดียว ไม่ใช่สองร้อย ไม่ใช่สามร้อย
ไม่ใช่สี่ร้อย ไม่ใช่ห้าร้อย ที่แท้มีอยู่มากทีเดียว.