เมนู

อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุข ละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้
มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ จตุตถฌานนี้ เรากล่าวว่า ไม่หวั่นไหว.

การละรูปฌานและอรูปฌาน


[185] ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก
อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
ปฐมฌานนี้ เรากล่าวว่า ไม่ควรทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าว
ล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงปฐมฌานนั้น ดูก่อนอุทายี ภิกษุ
ในธรรมวินัยนี้ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรม
เอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่
สมาธิอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงปฐมฌานนั้น ดูก่อนอุทายี แม้ทุติยฌานนี้
เราก็กล่าวว่า ไม่ควรทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็
อะไรเล่าเป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงทุติยฌานนั้น.
ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ
เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรร-
เสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข นี้เป็นธรรมเครื่องก้าว
ล่วงตติยฌานนั้น ดูก่อนอุทายี แม้ตติยฌานนี้เราก็กล่าวว่า ไม่ควรทำความ
อาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็นธรรมเครื่องก้าว
ล่วงตติยฌานนั้น ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มี
ทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ มี
อุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงตติยฌานนั้น.
ดูก่อนอุทายี แม้จตุตถฌานนี้เราก็กล่าวว่า ไม่ควรทำความอาลัย
เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงจตุตถ-

ฌานนั้น ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน
ด้วยบริกรรมว่า อากาศไม่มีที่สุด เพราะล่วงรูปสัญญาได้โดยประการทั้งปวง
เพราะดับปฏิฆสัญญาได้ เพราะไม่มนสิการนานัตตสัญญาอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่อง
ก้าวล่วงจตุตถฌานนั้น.
ดูก่อนอุทายี แม้อากาสานัญจายตนฌานนั้น เราก็กล่าวว่า ไม่ควร
ทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็นธรรม
เครื่องก้าวล่วงอากาสานัญจายคนฌานนั้น ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้
บรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ด้วยบริกรรมว่า วิญญาณไม่มีที่สุด เพราะล่วง
อากาสานัญจายตนฌานได้ โดยประการทั้งปวงอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วง
อากาสานัญจายตนฌานนั้น ดูก่อนอุทายี แม้วิญญาณัญจายตนฌานนี้ เราก็
กล่าวว่า ไม่ควรทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็อะไร
เล่าเป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนฌานนั้น.
ดูก่อนอุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ด้วย
บริกรรมว่า อะไร ๆ ก็ไม่มี เพราะล่วงวิญญาณัญจายตนฌานได้โดยประการ
ทั้งปวงอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงวิญญาณัญจายตนฌานนั้น แม้อากิญจัญญา-
ยตนฌานนั้น เราก็กล่าวว่า ไม่ควรทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าว
ล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงอากิญจัญญายตนฌานนั้น ดูก่อน
อุทายี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เพราะล่วง
อากิญจัญญายตนฌานได้โดยประการทั้งปวงอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วง
อากิญจัญญายตนฌานนั้น แม้เนวสัญญานาสัญญายตนฌานนี้ เราก็กล่าวว่า
ไม่ควรทำความอาลัย เธอทั้งหลายจงละเสีย จงก้าวล่วงเสีย ก็อะไรเล่าเป็น
ธรรมเครื่องก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานนั้น ดูก่อนอุทายี ที่ภิกษุใน

ธรรมวินัยนี้ บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
ได้โดยประการทั้งปวงอยู่ นี้เป็นธรรมเครื่องก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตน-
ฌานนั้น เรากล่าวการละกระทั่งเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ด้วยประการ
ฉะนี้แล ดูก่อนอุทายี เธอเห็นหรือหนอซึ่งสังโยชน์ละเอียดก็ดี หยาบก็ดีนั้น
ที่เรามิได้กล่าวถึงการละนั้น.
อุ. ไม่เห็นเลย พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระสูตรนี้แล้ว ท่านพระอุทายียินดีชื่นชม
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า ดังนี้แล.
จบลฑุกิโกปมสูตรที่ 6

6. อรรถกถาลฏุกิโกปมสูตร1


ลฏฺกิโกปมสูตร

มีบทเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้สดับมา
อย่างนี้.
ในบรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เยน โส วนสณฺโฑ เข้าไปยัง
ไพรสณฑ์นั้น ความว่า พระมหาอุทายีเถระนี้ เข้าไปบิณฑบาตกับพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าแล้วหลีกออกไปพร้อมกับพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น. เพราะฉะนั้นพึงทราบ
ว่า พระมหาอุทายีเถระเข้าไปยังไพรสณฑ์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพึงเสด็จเข้าไป.
บทว่า อปหตฺตา คือนำออกไป. บทว่า อุปหตฺตา คือนำเข้าไป. บทว่า
ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต ท่านพระมหาอุทายีเถระออกจากที่เร้น คือออกจาก
ผลสมาบัติ. บทว่า ยํ ภควา ในสมัยใดพระผู้มีพระภาคเจ้า. บทว่า อิงฺฆ

1. บาลีว่า ลฑุกิโกปมสูตร