เมนู

ดังโค ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นครั้งที่ 3 ว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
เสนิยอเจละ พระพฤติวัตรดังสุนัข ทำกรรมยากที่ผู้อื่นจะทำได้ บริโภคโภชนะ
ที่วางไว้ ณ พื้นดิน เขาสมาทานกุกกุรวัตรนั้นอย่างบริบูรณ์สิ้นกาลนาน คติของ
เขาจักเป็นอย่างไร ภพหน้าของเขาจักเป็นอย่างไร.
[85] พ. ดูก่อนปุณณะ เราไม่ได้จากท่านเป็นแน่ซึ่งคำนี้ว่า อย่า
เลยปุณณะ จงงดข้อนั้นเสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนั้นเลย ดังนี้ แต่เราจัก
พยากรณ์แก่ท่าน ดูก่อนปุณณะ บุคคลบางคนในโลกนี้บำเพ็ญกุกกุรวัตร
บำเพ็ญปกติของสุนัข บำเพ็ญกิริยาอาการของสุนัขให้บริบูรณ์ ไม่ขาดสาย ครั้น
แล้วเมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของสุนัข อนึ่ง ถ้าเขามีความ
เห็นอย่างนี้ว่า เราจักเป็นเทวดาหรือเทพองค์ในองค์หนึ่ง ด้วยศีล วัตร ตบะ
หรือพรหมจรรย์นี้ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูก่อนปุณณะ เรา
กล่าวคติของผู้เห็นผิดว่ามี 2 อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานอย่างใด
อย่างหนึ่ง ดูก่อนปุณณะ กุกกุรวัตรเมื่อถึงพร้อม ย่อมนำเข้าถึงความเป็น
สหายของสุนัข เมื่อวิบัติย่อมนำเข้าถึงนรก ด้วยประการฉะนี้. เมื่อพระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว เสนิยอเจละผู้ประพฤติวัตรดังสุนัข ร้องให้น้ำตา
ไหล.

คติของผู้ประพฤติวัตรดังโค


[86] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะปุณณโกลิยบุตรผู้
ประพฤติวัตรดังโคว่า ดูก่อนปุณณะ เราไม่ได้คำนี้จากท่านว่า อย่าเลยปุณณะ
จงงดข้อนั้นเสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนั้นเลย ดังนี้. เสนิยอเจละทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้ามิได้ร้องไห้ถึงการพยากรณ์นั้น ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ตรัสกะข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าได้สมาทานกุกกุรวัตรนี้อย่างบริบูรณ์มาช้านานแล้ว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปุณณโกลิยบุตร ประพฤติวัตรดังโค เขาสมาทานโค-
วัตรนั้นอย่างบริบูรณ์มาช้านาน คติของเขาจะเป็นอย่างไร ภพหน้าของเขาจะ
เป็นอย่างไร.
พ. อย่าเลย เสนิยะ จงงดข้อนั้นเสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนั้นเลย.
เสนิยอเจละทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นครั้งที่ 2. . . เป็นครั้งที่ 3
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ปุณณโกลิยบุตรนี้ ประพฤติวัตรดังโค เขาสมาทาน
โควัตรนั้นอย่างบริบูรณ์มาช้านาน คติของเขาจะเป็นอย่างไร ภพหน้าของเขา
จะเป็นอย่างไร.
พ. ดูก่อนเสนิยะ เราไม่ได้จากท่านเป็นแน่ซึ่งคำนี้ว่า อย่าเลยเสนิยะ
จงงดข้อนั้นเสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนั้นเลย ดังนี้ แต่เราจักพยากรณ์แก่ท่าน
ดูก่อนเสนิยะ บุคคลบางคนในโลกนี้ บำเพ็ญโควัตร บำเพ็ญปกติของโค
บำเพ็ญกิริยาอาการของโคอย่างบริบูรณ์ ไม่ขาดสาย ครั้นแล้วเมื่อตายไปย่อมเข้า
ถึงความเป็นสหายของโค อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า เราจักเป็นเทวดา
หรือเทพองค์โคองค์หนึ่ง ด้วยศีล วัตร ตบะ หรือพรหมจรรย์นี้ ความ
เห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูก่อนเสนิยะ เรากล่าวคติของผู้เห็นผิดว่ามี
2 อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานอย่างใดอย่างหนึ่ง ดูก่อนเสนิยะ
โควัตรเมื่อถึงพร้อม ย่อมนำเข้าถึงความเป็นสหายของโค เมื่อวิบัติย่อมนำเข้า
ถึงนรก ด้วยประการฉะนี้. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ปุณณ-
โกลิยบุตร ผู้ประพฤติวัตรดังโค ร้องไห้น้ำตาไหล.
[87] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะเสนิยอเจละ ผู้ประพฤติ
วัตรดังสุนัขว่า ดูก่อนเสนิยะ เราไม่ได้คำนี้จากท่านว่า อย่าเลยเสนิยะ จงงด

ข้อนั้นเสียเถิด อย่าถามเราถึงข้อนั้นเลย ดังนี้ ปุณณโกลิยบุตรทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าได้ร้องไห้ถึงการพยากรณ์นั้น ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสกะข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าสมาทานโควัตรนี้อย่างบริบูรณ์มาช้านาน ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงสามารถแสดงธรรมโดยประการที่ให้ข้าพเจ้าพึงละโควัตรนี้ได้
และเสนิยอเจละผู้ประพฤติวัตรดังสุนัข พึงละกุกกุรวัตรนั้นได้.
ดูก่อนปุณณะ ถ้ากระนั้น ท่านจงฟัง จงมนสิการให้ดี เราจักกล่าว
ปุณณโกลิยบุตร ผู้พระพฤติวัตรดังโค ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.

กรรมดำกรรมขาว 4


[88] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนปุณณะ
กรรม 4 ประการนี้ เราทำให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้
ตาม 4 ประการนั้นเป็นไฉน ดูก่อนปุณณะ กรรมดำมีวิบากดำมีอยู่ กรรม
ขาวมีวิบากขาวมีอยู่ กรรมทั้งดำทั้งขาว มีวิบากทั้งดำทั้งขาวมีอยู่ กรรมไม่
ดำไม่ขาว มีวิบากไม่ดำไม่ขาว เป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมมีอยู่.
ดูก่อนปุณณะ ก็กรรมดำมีวิบากดำ เป็นไฉน ดูก่อนปุณณะ
บุคคลบางคนในโลกนี้ ประมวลกายสังขาร อันมีความทุกข์ ประมวลวจีสังขาร
อันมีความทุกข์ ประมวลมโนสังขาร อันมีความทุกข์ ครั้นแล้ว เขาย่อมเข้า
ถึงโลกอันมีความทุกข์ ย่อมถูกต้องเขาผู้เข้าถึงโลกอันมีทุกข์ เขาอันผัสสะ
ประกอบด้วยทุกข์ถูกต้อง ย่อมเสวยเวทนาอันประกอบด้วยทุกข์ อันเป็นทุกข์
โดยส่วนเดียว ดุจสัตว์นรก ฉะนั้น ดูก่อนปุณณะ เพราะกรรมที่มีดังนี้แล
ความอุปบัติของสัตว์จึงมี สัตว์ทำกรรมใดไว้ ย่อมเข้าถึงเพราะกรรมนั้น ผัสสะ