เมนู

6. อุปาลิวาทสูตร


ว่าด้วยอุปาลิคฤหบดี


[62] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้.
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ปาวาริกัมพวัน ใกล้
เมือง นาลันทา สมัยนั้น นิครนถ์นาฏบุตรอาศัยอยู่ ณ เมืองนาลันทาพร้อม
ด้วยบริษัทนิครนถ์เป็นอันมาก ครั้งนั้นแล นิครนถ์ชื่อว่าทีฆตปัสสี เที่ยว
บิณฑบาตไปในเมืองนาลันทา เวลาภายหลังภัต กลับจากบิณฑบาตแล้ว เข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงปาวาริกัมพวัน ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้าง
หนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ กะทีฆตปัสสีนิครนถ์ ว่า
ดูก่อนทีฆตปัสสี อาสนะมีอยู่ถ้าท่านประสงค์ก็จงนั่งเถิด เมื่อพระผู้มีพระภาค-
เจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ทีฆตปัสสีนิครนถ์ถือเอาอาสนะต่ำแห่งหนึ่งนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง.

กรรม 3 ของนิครนถ์นาฏบุตร


[63] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กะทีฆตปัสสีนิครนถ์
ว่า ดูก่อนทีฆตปัสสี ก็นิครนถ์นาฏบุตรบัญญัติกรรม ในการทำบาปกรรม ใน
การเป็นไปแห่งบาปกรรม ไว้เท่าไร. ทีฆตปัสสีนิครนถ์ได้ทูลว่า ท่านพระ-
โคดม นิครนถ์นาฏบุตร จะบัญญัติว่ากรรม ๆ ดังนี้ เป็นอาจิณหามิได้ ท่าน
พระโคดม นิครนถ์นาฏบุตรบัญญัติว่า ทัณฑะ ๆ ดังนี้แล เป็นอาจิณ.
พ. ดูก่อนทีฆตปัสสี ก็นิครนถ์นาฎบุตรย่อมบัญญัติทัณฑะ ในการ
ทำบาปกรรม ในการเป็นไปแห่งบาปกรรมไว้เท่าไร.