เมนู

[448] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนั้น ถูกละ พวกเธอกล่าว
อย่างนั้น แม้เราก็กล่าวอย่างนั้น เมื่อมีสิ่งนี้ สิ่งนี้ก็มี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น
สิ่งนี้ก็เกิดขึ้น คือ เพราะอวิชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี เพระสังขารเป็น
ปัจจัย วิญญาณจึงมี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี เพราะนามรูปเป็น
ปัจจัย สฬายตนะจึงมี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี เพราะผัสสะ
ปัจจัย เวทนาจึงมี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี เพราะตัณหาเป็น
ปัจจัย อุปาทานจึงมี เพราะอุปานทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี เพราะภพเป็น
ปัจจัย ชาติจึงมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส และอุปายาสจึงมี ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้นย่อมมีได้อย่างนี้ เพราะ
อวิชชาดับหมดมิได้เหลือ สังขารก็ดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะ
สฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนา
ดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปทานจึงดับ เพราะอุปทานดับ ภพจึง
ดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส ก็ดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้
อย่างนี้.

นัยแห่งความดับ



[449] ก็ข้อว่า เพราะชาติดับ ชรา มรณะ ก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าว
แล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชาติดับนั่นแล ชรา มรณะ จึงดับ ในข้อ
นี้ เป็นอย่างนี้หรือ เป็นอย่างไร
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ ก็ดับ ในข้อ
นี้ มีความเป็นอย่างนี้แล.

พ. ก็ข้อว่า เพราะภพดับ ชาติก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้วว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เพราะภพดับนั่นแล ชาติจึงดับ ในข้อนี้ เป็นอย่างนี้หรือ
เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะภพดับ ชาติก็ดับ ในข้อนี้ มีความเป็น
อย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะอุปาทานดับ ภพก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้วว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอุปาทานดับนั่นแล ภพจึงดับ ในข้อนี้ เป็นอย่างนี้
หรือ ๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะอุปทานดับ ภพก็ดับ ในข้อนี้ มีความ
เป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะตัณหาดับ อุปาทานก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะตัณหาดับนั่นแล อุปาทานจึงดับ ในข้อนี้
เป็นอย่างนี้หรือ ๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะตัณหาดับ อุปาทานก็ดับ ในข้อ
นี้ มีความเป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะผัสสะดับ เวทนาก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะผัสสะดับนั่นแล เวทนาจึงดับ ในข้อนี้ เป็น
อย่างนี้หรือ ๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะผัสสะดับ เวทนาก็ดับ ในข้อนี้มีความ
เป็นอย่างนี้แล
พ. ก็ข้อว่า เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะสฬายตนะดับนั่นแล ผัสสะจึงดับ ในข้อนี้เป็น
อย่างนี้หรือๆ เป็นอย่างไร.

ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะก็ดับ ในข้อนี้
มีความเป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะนามรูปดับ สฬายตนะก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะนามรูปดับนั่นแล สฬายตนะจึงดับ ในข้อนี้
เป็นอย่างนี้หรือๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะก็ดับ ในข้อนี้
มีความเป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะวิญญาณดับ นามรูปก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะวิญญาณดับนั่นแล นามรูปจึงดับ ในข้อนี้เป็น
อย่างนี้หรือๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะวิญญาณดับ นามรูปก็ดับ ในข้อนี้
มีความเป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะสังขารดับ วิญญาณก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะสังขารดับนั่นแล วิญญาณจึงดับ ในข้อนี้เป็น
อย่างนี้หรือๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะสังขารดับ วิญญาณก็ดับ ในข้อนี้
มีความเป็นอย่างนี้แล.
พ. ก็ข้อว่า เพราะอวิชชาดับ สังขารก็ดับ ดังนี้นั้น เรากล่าวแล้ว
ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาดับนั่นแล สังขารจึงดับ ในข้อนี้เป็น
อย่างนั้นหรือๆ เป็นอย่างไร.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะอวิชชาดับ สังขารก็ดับ ในข้อนี้
มีความเป็นอย่างนี้แล.

[450] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนั้น ถูกละ พวกเธอกล่าว
อย่างนี้ แม้เราก็กล่าวอย่างนี้ เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ก็ไม่มี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้ก็
ดับ ดือ เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึง
ดับ เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึง
ดับ เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะ
เวทนาดับ ตัณหาจึงดับ เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทาน
ดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัส และอุปายาสจึงดับ ความดับแห่งกองทุกข์ทั้ง
สิ้นนั้น ย่อมมีได้อย่างนี้.

กถาว่าด้วยธรรมคุณ



[451] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอรู้เห็นอย่างนี้ พึงแล่นไปสู่ส่วน
เบื้องต้นว่า ในอดีตกาลเราได้มีแล้ว หรือว่า ไม่ได้มีแล้ว เราได้เป็นอะไร
แล้ว หรือว่าเราได้เป็นแล้วอย่างไร หรือเราได้เป็นอะไรแล้ว จึงเป็น
อะไร ดังนี้บ้างหรือไม่.
ภ. ข้อนี้ไม่มีเลย พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอรู้เห็นอยู่อย่างนี้ พึงแล่นไปสู่ส่วน
เบื้องปลายว่า ในอนาคตกาล เราจักมี หรือว่าจักไม่มี เราจักเป็นอะไร
หรือว่าเราจักเป็นอย่างไร หรือเราจักเป็นอะไรแล้ว จึงจักเป็นอะไร ดังนี้บ้าง
หรือไม่.
ภ. ข้อนี้ไม่มีเลย พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอรู้เห็นอยู่อย่างนี้ ปรารภถึงปัจจุบัน
กาลในบัดนี้ ยังสงสัยขันธ์เป็นภายในว่า เราย่อมมี หรือว่าเราย่อมไม่มี