เมนู

พึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี ผู้จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษและ
ภัยในปรโลก เปรียบเหมือนในกออุบล ในกอปทุม หรือในกอบุณฑริก
ดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ อยู่กับ
น้ำจมอยู่ภายในน้ำ อันน้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ
อยู่กับน้ำ ตั้งอยู่เสมอกับน้ำ บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ โผล่พ้นน้ำขึ้น
มาแล้วตั้งอยู่ น่าซึมเข้าไปไม่ได้ ฉันใด เราขณะที่ตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
ก็ได้เห็นเหล่าสัตว์ ฉันนั้น บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อย บางพวกมี
กิเลสดุจธุลีในดวงตามาก บางพวกมีอินทรีย์กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน
บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการชั่ว บางพวกพอจะสอนให้รู้ได้ง่าย บาง
พวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปรกติเห็นโทษและภัยในปรโลก. เราจึงได้กล่าว
กล่าวคาถาตอบสหัมบดีพรหมว่า
เราได้เปิดประตูอมฤตธรรมแล้ว ขอ
เหล่าชนผู้สดับจงปล่อยศรัทธาออกรับ
ดูก่อนพรหม เราสำคัญว่าจะลำบาก
จึงไม่กล่าวธรรมที่ประณีตซึ่งเราคล่อง-
แคล่วในหมู่มนุษย์.

เมื่อสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานโอกาส
เพื่อแสดงธรรมแล้ว จึงอภิวาท กระทำประทักษิณ อันตรธานไปในที่นั้น.

ทรงระลึกถึงการแสดงธรรมครั้งแรก


[324] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราดำริว่า เราจะแสดงธรรมครั้งแรก
แก่ใครหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. เราจึงคิดว่า อาฬารดาบสกาลามโคตร
นี้แล เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา มีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อยมานาน ถ้า
กระไร พึงแสดงธรรมครั้งแรกแก่เธอ เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. ครั้งนั้น

เทวดาองค์หนึ่งเข้ามาหาเราแล้วบอกว่า พระองค์ผู้เจริญ อาฬารดาบส กาลาม-
โคตร มรณภาพไปแล้วได้ 7 วัน. อนึ่ง เราก็เกิดญาณทัสสนะรู้เห็นว่า อาฬาร-
ดาบส กาลามโคตร เป็นผู้เสื่อมใหญ่เสียแล้วหนอ เพราะถ้าเธอพึงได้สดับ
ธรรมนี้ไซร้ ก็จะพึงรู้ทั่วถึงได้เร็ว. เราจึงคิดว่า เราจะแสดงธรรมครั้งแรกแก่
ใครหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. เราจึงคิดว่า อุททกดาบส รามบุตร
นี้แล เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา มีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อยมานาน ถ้า
กระไร เราพึงแสดงธรรมครั้งแรกแก่เธอ เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว ครั้งนั้น
เทวดาองค์หนึ่งเข้ามาหาเราแล้วบอกว่า พระองค์ผู้เจริญ อุททกดาบส รามบุตร
ได้มรณภาพไปเสียแล้วเมื่อเย็นวานนี้. อนึ่ง เราก็เกิดญาณทัสสนะรู้เห็นว่า
อุททกดาบส รามบุตร ได้มรณภาพไปเสียแล้วเมื่อเย็นวานนี้ เราจึงคิดว่า
อุทกดาบส รามบุตร เป็นผู้เสื่อมใหญ่เสียแล้วหนอ เพราะถ้าเธอพึงได้สดับ
ธรรมนี้ไซร้ ก็จะพึงรู้ทั่วถึงได้โดยเร็ว. เราจึงคิดว่าเราจะแสดงธรรมครั้งแรก
แก่ใครหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. เราจึงคิดว่า ภิกษุปัญจวัคคีย์
ได้อุปัฏฐากเรา ผู้กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ เป็นผู้มีอุปการะแก่เรามาก ถ้ากระไร
เราพึงแสดงธรรมครั้งแรกแก่พวกเธอ เราจึงคิดว่า บัดนี้ ภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ที่
ไหนหนอ เราก็รู้ได้ว่าภิกษุปัญจวัคคีย์อยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี
ด้วยทิพยจักษุที่บริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์ ครั้นเราอยู่ที่ตำบลอุรุเวลาพอ
สมควรแล้ว จึงได้ออกจาริกไปกรุงพาราณสี.
[325] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อาชีวกชื่ออุปกะ ได้พบเราผู้กำลังเดิน
ทางไกลที่ระหว่างตำบลคยาและต้นมหาโพธิ์ จึงถามเราว่า ผู้มีอายุ อินทรีย์
ของท่านผ่องใสนัก ฉวีวรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ท่านบวชเฉพาะใคร
ใครเป็นศาสดาของท่านหรือท่านชอบใจธรรมของใคร. เมื่ออุปกะชีวกถามอย่าง
นี้ เราจึงได้กล่าวคาถาตอบว่า

เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้
ธรรมทั้งปวง ได้ติดข้องในธรรมทั้งปวง ละ
เว้นธรรมทั้งปวงไปในธรรมเป็นสิ้นตัณหา
เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง เราจะพึงแสดงใครเล่า
ว่าเป็นอาจารย์ อาจารย์ของเราไม่มี ผู้ที่
เหมือนเราไม่มี ผู้ที่เทียบเสมอเราไม่มี ใน
โลกทั้งเทวโลก ความจริงเราเป็นพระอร-
หันต์เป็นศาสดาผู้ยอดเยี่ยมเป็นเอกเป็นสัม-
มาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เย็น ดับกิเลศแล้ว
เราจะไปราชธานีของชาวกาสีเพื่อประกาศ
ธรรมจักร โดยหมายจะย่ำอมฤตเภรีกลอง
ธรรม ในโลกที่มืดมน.

อุปกอาชีวกถามเราว่า เหตุใดท่านจึงปฏิญาณณว่าเป็นอรหันตอนันต
ชินะ เราจึงกล่าวคาถาตอบว่า
ผู้ที่ถึงอาสวักขัยเช่นเรา ย่อมเป็น
ผู้มีนามว่าชินะ เพราะเราชนะบาปธรรมทั้ง
หลายแล้ว ฉะนั้น เราจึงมีนามว่า ชินะ.

เมื่อเรากล่าวตอบอย่างนี้ อุปกอาชีวกนั้นได้กล่าวว่า เป็นเช่นนั้น
หรือ ท่าน แล้วสั่นศีรษะ แยกทางไป.

โปรดปัญจวัคคีย์


[326] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจาริกไปโดยลำดับ ถึงป่าอิสิ
ปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี เข้าไปหาพวกภิกษุปัญจวัคคีย์. พวกภิกษุ
ปัญจวัคคีย์เห็นเราเดินทางมาแต่ไกล จึงได้นัดหมายกันว่า ท่านพระสมณโคดม
พระองค์นี้เป็นผู้มักมาก คลายความเพียร เวียนมาเพื่อความเป็นผู้มักมาก