เมนู

ใจในอาลัย ยากที่จะเห็นปฏิจจสมุปบาทที่เป็นปัจจัยแห่งธรรมเหล่านี้ได้ และ
ยากที่จะเห็นธรรมที่สงบสังขารทั้งปวง สลัดอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็น
ที่สำรอก เป็นที่ดับ เป็นที่ออกจากตัณหา ก็ถ้าเราพึงแสดงธรรม และคนอื่น
ไม่รู้ทั่วถึงธรรมของเรา เราก็จะลำบากเหน็ดเหนื่อยเปล่า. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ทั้งคาถาอันอัศจรรย์น้อย ที่เราไม่เคยได้สดับมาแต่ก่อน ก็ได้แจ่มแจ้งแก่เรา
ดังนี้ว่า
บัดนี้ ไม่ควรประกาศธรรมที่เรา
บรรลุได้โดยยาก ธรรมนี้ชนผู้มีราคะโทสะ
หนาแน่น ตรัสรู้ไม่ได้โดยง่ายตนผู้กำหนัด
ด้วยอำนาจราคะ ถูกต้องอวิชชาความมืด
หุ้มห่อไว้ ย่อมไม่เห็นธรรมที่ทวนกระแส
โลก อันละเอียดเป็นอณุลึกซึ้ง เห็น
ได้ยาก.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเราคิดเห็นเช่นนี้ ก็มีจิตน้อมไปเพื่อ
ขวนขวายน้อย ไม่น้อมไปเพื่อแสดงธรรม.

สหัมบดีพรหมทูลให้ทรงแสดงธรรม


[322] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สหัมบดีพรหมทราบความดำริ
ของเรา จึงได้มีความปริวิตกว่า โอ โลกจะฉิบหายแหลกลาญเสียแล้วหนอ
เพราะพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระทัยน้อมไปเพื่อขวนขวายน้อย
ไม่น้อมไปเพื่อทรงแสดงธรรม. สหัมบดีพรหมจึงอันตรธานจากพรหมโลกมา
ปรากฏตัวตรงหน้าเรา คล้ายกับบุรุษผู้มีกำลัง เหยียดแขนที่งอเข้า หรืองอแขน
ที่เหยียดออก ฉะนั้น. แล้วจึงเฉวียงผ้าห่มประคองอัญชลีมาทางเรา กล่าวว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงแสดงธรรม ขอพระ-
สุคตโปรดทรงแสดงธรรม สัตว์ผู้มีกิเลสดุจธุลีที่ดวงตาน้อยเป็นปกติมีอยู่ เพราะ

ไม่ได้สดับธรรม สัตว์เหล่านั้นจึงเสื่อม ผู้ที่รู้ธรรมจักมีอยู่. ครั้นสหัมบดีพรหม
กล่าวดังนี้แล้ว จึงกล่าวคาถาประพันธ์ต่อไปดังนี้ว่า
แต่ก่อนในแคว้นมคธ ได้ปรากฏมี
ธรรมที่ไม่บริสุทธิ์ ซึ่งชนพวกที่มีมลทิน
คิดกันไว้ ขอพระองค์โปรดทรงเปิดประตู
อมฤตนครเถิด ขอสัตว์ทั้งหลาย จงสดับ
ธรรมที่พระองค์ผู้ทรงหมดมลทินตรัสรู้
ชนผู้อยู่บนยอดเขาศิลาพึงเห็นประชุมชน
ได้โดยรอบ ฉันใด ข้าแต่พระองค์ผู้มี
พระปรีชา มีพระเนตรคือปัญญาโดยรอบ
ขอพระองค์ผู้ปราศจากโศก โปรดเสด็จ
ขึ้นปราสาทที่สำเร็จด้วยธรรม ซึ่งมีอุปมา
ฉันนั้น ทรงตรวจดูประชุมชนผู้ระงมด้วย
โศก ถูกชาติชราครอบงำ ข้าแต่พระองค์
ผู้ทรงความเพียร ทรงพิชิตสงคราม ผู้นำ
หมู่สัตว์ ผู้หากิเลสมิได้ โปรดเสด็จลุกขึ้น
จาริกโปรดสัตว์ในโลก ขอพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าโปรดทรงแสดงธรรมเถิด ผู้รู้ทั่วถึง
จักมีอยู่.

[323] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรารู้การอาราธนาของสหัมบดีพรหม
และอาศัยความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย จึงได้ตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ ก็ได้เห็น
เหล่าสัตว์ผู้มีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อยก็มี ผู้มีกิเลสดุจธุลีในดวงตามากก็มี ผู้มี
อินทรีย์กล้าก็มี ผู้มีอินทรีย์อ่อนก็มี ผู้มีอาการดีก็มี ผู้มีอาการชั่วก็มี ผู้พอจะ

พึงสอนให้รู้ได้ง่ายก็มี ผู้จะพึงสอนให้รู้ได้ยากก็มี บางพวกมีปกติเห็นโทษและ
ภัยในปรโลก เปรียบเหมือนในกออุบล ในกอปทุม หรือในกอบุณฑริก
ดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ อยู่กับ
น้ำจมอยู่ภายในน้ำ อันน้ำหล่อเลี้ยงไว้ บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ
อยู่กับน้ำ ตั้งอยู่เสมอกับน้ำ บางดอกเกิดในน้ำ เจริญในน้ำ โผล่พ้นน้ำขึ้น
มาแล้วตั้งอยู่ น่าซึมเข้าไปไม่ได้ ฉันใด เราขณะที่ตรวจดูโลกด้วยพุทธจักษุ
ก็ได้เห็นเหล่าสัตว์ ฉันนั้น บางพวกมีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อย บางพวกมี
กิเลสดุจธุลีในดวงตามาก บางพวกมีอินทรีย์กล้า บางพวกมีอินทรีย์อ่อน
บางพวกมีอาการดี บางพวกมีอาการชั่ว บางพวกพอจะสอนให้รู้ได้ง่าย บาง
พวกสอนให้รู้ได้ยาก บางพวกมีปรกติเห็นโทษและภัยในปรโลก. เราจึงได้กล่าว
กล่าวคาถาตอบสหัมบดีพรหมว่า
เราได้เปิดประตูอมฤตธรรมแล้ว ขอ
เหล่าชนผู้สดับจงปล่อยศรัทธาออกรับ
ดูก่อนพรหม เราสำคัญว่าจะลำบาก
จึงไม่กล่าวธรรมที่ประณีตซึ่งเราคล่อง-
แคล่วในหมู่มนุษย์.

เมื่อสหัมบดีพรหมทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานโอกาส
เพื่อแสดงธรรมแล้ว จึงอภิวาท กระทำประทักษิณ อันตรธานไปในที่นั้น.

ทรงระลึกถึงการแสดงธรรมครั้งแรก


[324] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราดำริว่า เราจะแสดงธรรมครั้งแรก
แก่ใครหนอ ใครจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. เราจึงคิดว่า อาฬารดาบสกาลามโคตร
นี้แล เป็นบัณฑิต ฉลาด มีปัญญา มีกิเลสดุจธุลีในดวงตาน้อยมานาน ถ้า
กระไร พึงแสดงธรรมครั้งแรกแก่เธอ เธอจักรู้ทั่วถึงธรรมนี้ได้เร็ว. ครั้งนั้น