เมนู

โทษของกาม


[213] ดูก่อนมหานาม ก็อะไรเล่าเป็นโทษของกามทั้งหลาย กุลบุตร
ในโลกนี้ เลี้ยงชีวิตด้วยความขยัน ประกอบศิลปะใด คือ ด้วยการนับคะแนน
ก็ดี ด้วยการคำนวนก็ดี ด้วยการนับจำนวนก็ดี ด้วยการไถก็ดี ด้วยการค้า
ขายก็ดี ด้วยการเลี้ยงโคก็ดี ด้วยการยินธนูก็ดี ด้วยการเป็นราชบุรุษก็ดี
ด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ต้องตรากตรำต่อความหนาว ต้องตรากตรำ
ต่อความร้อน งุ่นง่านอยู่ด้วยสัมผัสแต่เหลือบ ยุง ลม แดด และสัตว์เสือก
คลาน ต้องตายด้วยความหิวระหาย ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของ
กามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นกันอยู่ มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น ดูก่อนมหานาม
ถ้าเมื่อกุลบุตรนั้น ขยัน สืบต่อพยายามอยู่อย่างนี้ โภคะเหล่านั้นก็ไม่สำเร็จผล
เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือนว่า
ความขยันของเราเป็นโมฆะหนอ ความพยายามของเราไม่มีผลหนอ. ดูก่อน
มหานาม แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นกันอยู่ มี
กามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุแห่งกาม
ทั้งหลายทั้งนั้น. ดูก่อนมหานาม ถ้าเมื่อกุลบุตรนั้นขยัน สืบต่อพยายามอยู่
อย่างนี้ โภคะเหล่านั้นสำเร็จผล เขากลับเสวยทุกข์ โทมนัส ที่มีการคอยรักษา
โภคะเหล่านั้นเป็นตัวบังคับว่า ทำอย่างไร พระราชาทั้งหลายไม่พึงริบโภคะ
เหล่านั้นไปได้ พวกโจรพึงปล้นไม่ได้ ไฟไม่พึงไหม้ น้ำไม่พึงพัดไป ทายาท
อัปรีย์พึงนำไปไม่ได้. เมื่อกุลบุตรนั้นคอยรักษาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชา
ทั้งหลายริบโภคะเหล่านั้นไปเสียก็ดี โจรปล้นเอาไปเสียก็ดี ไฟไหม้เสียก็ดี น้ำ
พัดไปเสียก็ดี ทายาทอัปรีย์นำไปเสียก็ดี เขาย่อมเศร้าโศก ลำบาก รำพัน ตีอก
คร่ำครวญ ถึงความหลงเลือนว่า สิ่งใดเล่าเคยเป็นของเรา แม้สิ่งนั้นก็ไม่เป็นของ

เรา. ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่
เห็นกันอยู่ มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะ
เหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น.
[214] ดูก่อนมหานาม อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็น
ต้นเค้า มืกามเป็นตัวบังคับ เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้นแล แม้พระราชา
ทั้งหลายก็วิวาทกันกับพวกพระราชา แม้พวกกษัตริย์ก็วิวาทกันกับพวกกษัตริย์
แม้พวกพราหมณ์ก็วิวาทกันกับพวกพราหมณ์ แม้คฤหบดีก็วิวาทกันกับพวก
คฤหบดี แม้มารดาก็วิวาทกันกับบุตร แม้บุตรก็วิวาทกันกับมารดา แม้บิดา
ก็วิวาทกันกับบุตร แม้บุตรก็วิวาทกันกับบิดา แม้พี่ชายน้องชายก็วิวาทกันกับ
พี่ชายน้องชาย แม้พี่ชายก็วิวาทกันกับน้องสาว แม้น้องสาวก็วิวาทกันกับพี่ชาย
แม้สหายก็วิวาทกันกับสหาย. ชนเหล่านั้นต่างถึงการทะเลาะแก่งแย่ง วิวาทกัน
ในที่นั้น ๆ ทำร้ายซึ่งกันและกัน ด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อน
ไม้บ้าง ด้วยศัสตราบ้าง ถึงความตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตายบ้าง.
ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่า ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์ที่เห็นกัน
อยู่ มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุ
แห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น.
[215] ดูก่อนมหานาม อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็น
ต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้นแล ฝูงชนต่างถือ
ดาบและโล่ สอดแล่งธนู วิ่งเข้าสู่สงคราม ปะทะกันทั่ง 2 ฝ่าย. เมื่อลูกศร
ทั้งหลายถูกยิงไปบ้าง เมื่อหอกทั้งหลายถูกพุ่งไปบ้าง เมื่อดาบทั้งหลายถูกกวัด
แกว่งอยู่บ้าง ฝูงชนเหล่านั้นต่างก็ถูกลูกศรเสียบเอาบ้าง ถูกหอกแทงเอาบ้าง
ถูกดาบตัดศีรษะเสียบ้าง ในที่นั้น พากันถึงตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปาง

ตายบ้าง. ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่าก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เกิดเพราะ
เหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น.
[216] ดูก่อนมหานาม อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็น
ต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้นแล ฝูงชนถือดาบ
และโล่สอดแล่งธนู ตรูกันเข้าไปสู่เชิงกำแพงที่ฉาบด้วยเปือกตมร้อน. เมื่อ
ลูกศรถูกยิงไปบ้าง เมื่อหอกถูกพุ่งไปบ้าง เมื่อดาบถูกกวัดแกว่งบ้าง ชนเหล่า
นั้นต่างถูกลูกศรเสียบบ้าง ถูกหอกเสียบบ้าง ถูกรดด้วยโคมัยร้อนบ้าง ถูกสับ
ด้วยคราดบ้าง ถูกตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ในที่นั้น พากันถึงตายไปตรงนั้นบ้าง
ถึงทุกข์ปางตายบ้าง. ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่า ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย
เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น.
[217] ดูก่อนมหานาม อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ มีกาม
เป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เพราะเหตุกามทั้งหลายนั้นแล ฝูงชนตัดที่
ต่อบ้าง ปล้นอย่างกวาดล้างบ้าง กระทำให้เป็นเรือนหลังเดียวบ้าง ดักทาง
บ้าง สมสู่ภรรยาคนอื่นบ้าง พระราชาทั้งหลายจับคนนั้น ๆ ได้แล้ว ให้กระ-
ทำกรรมกรณ์ต่าง ๆ เฆี่ยนด้วยแส้บ้าง เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง ตีด้วยไม้ค้อนบ้าง
ฯลฯ กระทำกรรมกรณ์ชื่อโชติมาลิกะบ้าง ชื่อหัตถปัชโชติกะบ้าง ชื่อเอรก-
วัตติกะบ้าง ชื่อจีรกวาสิกะบ้าง ชื่อเอเณยกะบ้าง ชื่อพลิสมังสิกะบ้าง ชื่อ
กหาปณกะบ้าง ชื่อขาราปฏิจฉกะบ้าง ชื่อปลิฆปริวัตติกะบ้าง ชื่อปลาลปีฐกะ
บ้าง รดด้วยน้ำมันที่ร้อนบ้าง ให้สุนัขกัดกินบ้าง เสียบที่หลาวทั้งเป็นบ้าง
ใช้ดาบตัดศีรษะเสียบ้าง คนเหล่านั้นถึงตายไปตรงนั้นบ้าง ถึงทุกข์ปางตาย
บ้าง. ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่า ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกองทุกข์
ที่เห็นกันอยู่ มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นตัวบังคับ เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้ง
หลายทั้งนั้น.

[218] ดูก่อนมหานาม อีกประการหนึ่ง มีกามเป็นเหตุ มีกาม
เป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ เพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายนั้นแล ฝูงชนต่าง
ประพฤติกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ชนเหล่านั้น ครั้นประพฤติกายทุจริต
วจีทุจริต มโนทุจริตแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก. ดูก่อนมหานาม แม้นี้เล่า ก็เป็นโทษของกามทั้งหลาย เป็นกอง
ทุกข์ในสัมปรายภพ มีกามเป็นต้นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นตัวบังคับ
เกิดเพราะเหตุแห่งกามทั้งหลายทั้งนั้น.

พวกนิครนถ์ที่ถือการยืนเป็นวัตร


[219] ดูก่อนมหานาม สมัยหนึ่ง เราอยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ เขต
พระนครราชคฤห์. สมัยนั้น ณ ตำบลกาฬศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ พวกนิครนถ์
จำนวนมากเป็นผู้ถือการยืนเป็นวัตร ห้ามการนั่ง เสวยทุกขเวทนา แรงกล้า
เผ็ดร้อนอันเกิดแต่ความพยายาม. ครั้งนั้นแล เราออกจากที่หลีกเร้นในเวลา
เย็น เข้าไปหาพวกนิครนถ์ ถึงประเทศกาฬศิลา ข้างภูเขาอิสิคิลิ ได้กล่าวความ
ข้อนี้กะพวกนิครนถ์เหล่านั้นว่า ดูก่อนนิครนถ์ผู้มีอายุทั้งหลาย ไฉนเล่า พวก
ท่านจึงถือการยืนเป็นวัตร ห้ามการนั่ง เสวยทุกขเวทนา แรงกล้า เผ็ดร้อนอัน
เกิดแต่ความพยายาม ดูก่อนมหานาม เมื่อเรากล่าวอย่างนี้แล้ว พวกนิครถ์
เหล่านั้นได้กล่าวกะเราว่า ดูก่อนผู้มีอายุ นิครนถนาฏบุตรรู้ธรรมทั้งปวง เห็น
ธรรมทั้งปวง ยืนยันญาณทัสสนะหมดทุกส่วนว่า เมื่อเราเดินไปก็ดี ยืนก็ดี
หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏอยู่ ติดต่อเสมอไป นิครนถนาฏบุตรนั้น
กล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนนิครนถ์ทั้งหลายผู้เจริญ บาปกรรมที่พวกท่านทำแล้ว
ในกาลก่อนมีอยู่ พวกท่านจงสลัดบาปกรรมนั้นเสีย ด้วยปฏิปทาอันประกอบ
ด้วยการกระทำที่ทำได้ยาก อันลำบากนี้ ข้อที่ท่านทั้งหลายสำรวมกาย วาจา