เมนู

อริยสัจในอิริยาบถ


แต่ในอิริยาปถบรรพนี้ สติที่กำหนดอิริยาบถทั้ง 4 เป็นทุกขสัจ
ตัณหาเก่าที่เป็นสมุฏฐานของสติ เป็นสมุทัยสัจ การไม่เป็นไปแห่งสติ
กับตัณหาทั้ง 2 อย่างนั้น เป็นนิโรธสัจ อริยมรรคที่กำหนดรู้ทุกข์ ที่
ละสมุทัย ที่มีนิโรธเป็นอารมณ์ เป็นมรรคสัจ.
พระโยคาวจรขวนขวายด้วยอำนาจสัจจะทั้ง 4 อย่างนี้แล้ว จะ
บรรลุความดับ (นิพพาน). ถ้อยคำดังที่พรรณนามานี้ เป็นช่องทาง
การนำออก (จากทุกข์) จนถึงพระอรหัต ของภิกษุผู้กำหนดอิริยาบถ 4
รูปหนึ่ง ดังนี้แล.
จบ อิริยาปถบรรพ

พิจารณาดูกายโดยสัมปชัญญะ 4


[135] พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจำแนกการพิจารณา
เห็นกายในกายโดยอิริยาบถอย่างนี้แล้ว. บัดนี้ เพื่อจะทรงจำแนกโดย
สัมปชัญญะ 4 จึงตรัสคำมีอาทิว่า ปุน จปรํ ไว้.
ก่อนอื่น บรรดาคำเหล่านั้น ในคำว่า อภิกฺกนฺเต ปฏิกฺกนฺเต นี้
การเดินไปพระองค์ตรัสเรียกว่า อภิกกันตะ การเดินกลับตรัสเรียกว่า
ปฏิกกันตะ. แม้ทั้ง 2 อย่างนั้น ได้ในอิริยาบถทั้ง 4.
(จะว่า) ในการเดินก่อน เมื่อโยกกายไปข้างหน้า ก็ชื่อว่าก้าวไป.
เมื่อเอนกลับก็ชื่อว่าถอยกลับ. แม้ในการยืน ผู้ยืนนั้นแหละ เมื่อโยกกาย