เมนู

องค์เป็นคนโง่ คนหลง ไม่ฉลาด ได้ล่วงเกินแล้ว ข้าพระองค์จึงได้กล่าว
กะพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงยกโทษแก่ข้า
พระองค์ เพื่อสำรวมต่อไป.

กถาว่าด้วยคุณของพระสัมมาสัมพุทธะ



พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า นิโครธะ ความผิดที่ท่านผู้เป็นคน
โง่ คนหลง ไม่ฉลาด ได้ล่วงเกินแล้ว เธอจึงได้กล่าวกะเราอย่างนั้น
เพราะเธอเห็นโทษแล้วจึงยอมรับผิด เรายกโทษแก่เธอ ผู้ใดเห็นโทษ
สารภาพโทษตามความเป็นจริง ถือความสังวรต่อไป นี้เป็นความเจริญใน
พระวินัยของพระอริยเจ้า นิโครธะ ก็เรากล่าวอย่างนี้ว่า บุรุษผู้รู้ ไม่
โอ้อวด ไม่มีมารยา เป็นคนตรง จงมาเถิด เราจะสั่งสอน เราจะ
แสดงธรรม เขาปฏิบัติอยู่ตามคำสั่งสอน ที่กุลบุตรทั้งหลายผู้ออกจากเรือน
บวชโดยชอบเพื่อประโยชน์อันใด จักกระทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์อันนั้น
อันมีพรหมจรรย์เป็นที่สุดอย่างยิ่ง ด้วยความรู้ยิ่งของตนเอง ในทิฏฐธรรม
เข้าถึงอยู่ตลอด 7 ปี นิโครธะ เจ็ดปี จงยกไว้ บุรุษผู้รู้ ไม่โอ้อวด
ฯลฯ เข้าถึงอยู่ตลอดหกปี...ห้าปี...สี่ปี...สามปี...สองปี...ปีหนึ่ง นิโครธะ
ปีหนึ่งจงยกไว้ บุรุษผู้รู้ ไม่โอ้อวด ฯลฯ เข้าถึงอยู่ตลอดเจ็ดเดือน
นิโครธเจ็ดเดือนจงยกไว้ ฯลฯ เข้าถึงอยู่ตลอดหกเดือน...ห้าเดือน...สี่
เดือน...สามเดือน...สองเดือน...หนึ่งเดือน...กึ่งเดือน นิโครธะ กึ่งเดือน
จงยกไว้ บุรุษผู้รู้ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยา ฯลฯ เข้าถึงอยู่ตลอดเจ็ดวัน
นิโครธะ แต่บางทีเธอจะพึงดำริอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมตรัสอย่างนี้
เพราะใคร่ได้อันเตวาสิก ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ผู้ใดเป็นอาจารย์
ของเธอได้อย่างนี้ ผู้นี้แหละจงเป็นอาจารย์ของเธอ นิโครธะ แต่บางที
เธอจะพึงดำริอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมปรารถนาจะให้เราเคลื่อนจาก
อุเทศ จึงตรัสอย่างนี้ ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น อุเทศใดของเธอได้

อย่างนี้ อุเทศนั่นแหละจงเป็นอุเทศของเธอ นิโครธะ แต่บางทีเธอ
จะพึงดำริอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมปรารถนาจะให้เราเคลื่อนจาก
อาชีวะ จึงตรัสอย่างนี้ ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ก็อาชีวะของ
เธอนั่นแหละจงเป็นอาชีวะของเธอ นิโครธะ แต่บางทีเธอจะพึงดำริ
อย่างนี้ว่าพระสมณโคดมปรารถนาจะให้เรากับอาจารย์ตั้งอยู่ในอกุศล-
ธรรมซึ่งเป็นส่วนอกุศล จึงตรัสอย่างนี้ ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่าง
นั้น อกุศลธรรมเหล่านั้นแหละจงเป็นส่วนอกุศลของเธอกับ
อาจารย์ นิโครธะ แต่บางทีเธอจะพึงดำริอย่างนี้ว่า พระสมณโคดม
ปรารถนาจะให้เรากับอาจารย์สงัดจากกุศลธรรมซึ่งเป็นส่วนกุศล จึง
ตรัสอย่างนี้ ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น กุศลธรรมเหล่านั้นแหละ
จงเป็นส่วนกุศลของเธอกับอาจารย์ นิโครธะ ด้วยประการอย่างนี้แล
เรากล่าวอย่างนี้ เพราะใคร่ได้อันเตวาสิก หามิได้ เราปรารถนาจะ
ให้เธอเคลื่อนจากอุเทศจึงกล่าวอย่างนี้ก็หาไม่ ปรารถนาจะให้เคลื่อน
จากอาชีวะ จึงกล่าวอย่างนี้ ก็หาไม่ ปรารถนาจะให้เธอกับอาจารย์
ตั้งอยู่ในอกุศลธรรม ซึ่งเป็นส่วนอกุศล จึงกล่าวอย่างนี้ ก็หาไม่
ปรารถนาจะให้เธอกับอาจารย์สงัดจากกุศลธรรม ซึ่งเป็นส่วนกุศล
จึงกล่าวอย่างนี้ ก็หาไม่ นิโครธะ ที่เราแสดงธรรมเพื่อให้ละอกุศล-
ธรรมเหล่าใด อกุศลธรรมเหล่านั้นยังละไม่ได้ เศร้าหมอง สร้างภพ
ใหม่ มีความกระวนกระวาย มีทุกข์เป็นผล เป็นปัจจัยแก่ชาติ ชรา
มรณะต่อไป ยังมีอยู่ เธอทั้งหลายผู้ปฏิบัติตามธรรมแล้ว จักละธรรม
เป็นเครื่องเศร้าหมองได้ ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความผ่องแผ้วจักเจริญ
ยิ่ง เธอทั้งหลายจักทำให้แจ้งซึ่งความบริบูรณ์แห่งมรรคปัญญา และความ
เป็นผู้ไพบูลย์ด้วยผลปัญญา เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในทิฏฐธรรมเข้าถึงอยู่

เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พวกปริพาชกได้นั่งนิ่ง เก้อเขิน
คอตก ก้มหน้า ซบเซา ไม่มีปฏิภาณ เหมือนถูกมารดลใจ ฉะนั้น.

ว่าด้วยมารดลใจพวกปริพาชก



[32] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า โมฆบุรุษ
เหล่านี้ทั้งหมด ถูกมารใจบาปดลใจแล้ว ในพวกเขาแม้สักคนหนึ่ง ไม่
มีใครคิดอย่างนี้ว่า เอาเถิด พวกเราจักประพฤติพรหมจรรย์ในพระ
สมณโคดม เพื่อความรู้ทั่วถึงบ้าง เจ็ดวันจักทำอะไร ครั้งนั้น พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงบันลือสีหนาท ในปริพาชิการามของพระนางอุทุม-
พริกาแล้ว เหาะขึ้นไปในอากาศ ปรากฏอยู่บนภูเขาคิชฌกูฏ. ทันใด
นั่นเอง สันธานคฤหบดีเข้าไปในกรุงราชคฤห์ ด้วยประการฉะนี้.

จบ อุทุมพริกสูตร ที่ 2