เมนู

ย่อมไม่คล้อยตามคำนั้น ของสมณพราหมณ์เหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุ
ไร. ดูก่อนจุนทะ เพราะว่า ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์จำพวกหนึ่ง
แม้เป็นผู้มีสัญญาเป็นอย่างอื่นมีอยู่. ดูก่อนจุนทะ ด้วยบัญญัตินี้แลเราไม่
เห็นผู้อื่น สม่ำเสมอตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งใน
บัญญัติที่เป็นอธิบัญญัติโดยแท้.
ดูก่อนจุนทะ ทิฏฐินิสัยอันประกอบด้วยส่วนเบื้องต้นนี้แล ที่เรา
ได้พยากรณ์กะพวกเธอโดยประการที่เราพึงพยากรณ์และโดยประการที่เรา
ไม่พึงพยากรณ์ ไฉนเราจักพยากรณ์ทิฏฐินิสัยเหล่านั้นกะพวกเธอในข้อนั้น
เล่า.

ว่าด้วยทิฏฐินิสัยเกี่ยวกับกาลอนาคต



[126] ดูก่อนจุนทะ ทิฏฐินิสัยทั้งหลาย อันสหรคตด้วยส่วนเบื้อง
ปลาย ที่เราได้พยากรณ์ไว้กะพวกเธอโดยประการที่เราพยากรณ์แล้ว และ
โดยประการที่เราไม่พึงพยากรณ์เป็นไฉน. ดูก่อนจุนทะ มีสมณพราหมณ์
พวกหนึ่งผู้มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตามีรูป
หาโรคมิได้ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่าดังนี้. ดูก่อนจุนทะ มีสมณพราหมณ์
พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาไม่
มีรูป. อัตตา มีรูปด้วย ไม่มีรูปด้วย. อัตตามีรูปก็ไม่ใช่ ไม่มีรูปก็ไม่ใช่.
อัตตามีสัญญา อัตตาไม่มีสัญญา. อัตตามีสัญญาด้วย ไม่มีสัญญาด้วย. อัตตา
มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่. อัตตาย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ
ย่อมไม่มี เบื้องหน้าแต่มรณะ สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้.
ดูก่อนจุนทะ สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีวาทะอย่างนี้ เป็น
ผู้มีทิฏฐิอย่างนี้ เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตามีรูปหาโรคมิได้ สิ่งนี้แหละจริง

สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว กล่าวอย่างนี้
ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ มีอยู่หรือหนอ คำที่ท่านทั้งหลายกล่าวว่า เบื้องหน้า
แต่มรณะ อัตตามีรูปหาโรคมิได้ ดังนี้ และสมณพราหมณ์เหล่านั้น กล่าว
คำใดอย่างนี้ว่า สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่าดังนี้. เราย่อมไม่คล้อยตามคำ
นั้นของสมณพราหมณ์เหล่านั้น. ข้อนี้เพราะเหตุไร. ดูก่อนจุนทะ เพราะ
ว่าในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์จำพวกหนึ่งแม้เป็นผู้มีสัญญาเป็นอย่าง
อื่นมีอยู่. ดูก่อนจุนทะ ด้วยบัญญัตินี้แล เราไม่เห็นผู้สม่ำเสมอตนเลย ผู้
ยิ่งกว่าจักมีแต่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบัญญัติอันเป็นอธิบัญญัตินี้
โดยแท้.
[127] ดูก่อนจุนทะ สมณพราหมณ์เหล่าใด เป็นผู้มีวาทะ
อย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาไม่มีรูป. อัตตามีรูป
ด้วยไม่มีรูปด้วย อัตตามีรูปก็ไม่ใช่ไม่มีรูปก็ไม่ใช่. อัตตามีสัญญา. อัตตา
มีสัญญาด้วย ไม่มีสัญญาด้วย. อัตตามีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่
ใช่ เบื้องหน้าแต่มรณะ อัตตาย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่มี สิ่งนี้แหละ
จริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว กล่าวอย่า
นี้ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ มีอยู่หรือหนอ คำที่ท่านทั้งหลายกล่าวว่า เบื้องหน้า
แต่มรณะ ตนย่อมขาดสูญ ย่อมพินาศ ย่อมไม่มี และสมณพราหมณ์เหล่า
นั้นกล่าวคำใดอย่างนี้ว่า สิ่งนี้แหละจริง สิ่งอื่นเปล่า ดังนี้ เราไม่คล้อย
ตามคำนั้นของสมณพราหมณ์เหล่านั้น. ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร. ดูก่อน
จุนทะ เพราะว่า ในสมณพราหมณ์เหล่านั้น สัตว์พวกหนึ่ง แม้เป็นผู้มี

สัญญาเป็นอย่างอื่นมีอยู่. ดูก่อนจุนทะ ด้วยบัญญัตินี้แล เราไม่พิจารณา
เห็นผู้สม่ำเสมอด้วยตนเลย ผู้ยิ่งกว่าจักมีแต่ไหน เราผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งใหญ่
ในบัญญัติที่เป็นอธิบัญญัตินี้โดยแท้.
ดูก่อนจุนทะ ทิฏฐินิสัย อันสหรคตด้วยส่วนเบื้องปลายนี้แล ที่
เราได้พยากรณ์กะพวกเธอ โดยประการที่เราพึงพยากรณ์ และโดยประการ
ที่เราไม่พึงพยากรณ์ เพราะฉะนั้น ไฉนเราจักพยากรณ์ทิฏฐินิสัยเหล่านั้น
กะพวกเธอในข้อนั้นเล่า.

ว่าด้วยสติปัฏฐาน 4



[128] ดูก่อนจุนทะ สติปัฏฐาน 4 ประการ อันเราแสดงแล้ว
บัญญัติแล้วอย่างนี้ เพื่อละ เพื่อก้าวล่วง ทิฏฐินิสัย อันประกอบด้วยส่วน
เบื้องต้นเหล่านี้ด้วย ทิฏฐินิสัยอันสหรคตด้วยส่วนเบื้องปลายเหล่านี้ด้วย
สติปัฏฐาน 4 เป็นไฉน. ดูก่อนจุนทะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา
เห็นกายในกายเนือง ๆ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้ง
หลายเนือง ๆ. ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตเนือง ๆ. ย่อมพิจารณาเห็นธรรม
ในธรรมทั้งหลายเนือง ๆ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌา
และโทมนัสในโลกเสียได้. ดูก่อนจุนทะ สติปัฏฐาน 4 ประการนี้ อัน
เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วอย่างนี้ เพื่อละเพื่อก้าวล่วงซึ่งทิฏฐินิสัยอันสหรคต
ด้วยส่วนเบื้องต้นเหล่านี้ด้วย ทิฏฐินิสัยอันสหรคตด้วยส่วนเบื้องปลายเหล่า
นี้ด้วยดังนี้.
[129] ในเวลานั้น ท่านอุปทานะ ยืนถวายงานพัดอยู่เบื้อง
พระปฤษฎางค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า. ท่านอุปทานะได้กราบทูลพระผู้มี