เมนู

สัมพุทธะ ก็เกิดขึ้นแล้วในโลก และธรรมก็เป็นธรรมที่ศาสดานั้นกล่าว
ไว้ดีแล้ว ประกาศไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่นำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้
เป็นไปเพื่อความ เป็นธรรมอันท่านผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้
และเราทั้งหลายก็เป็นผู้รู้แจ้งเนื้อความในในสัทธรรม และพรหมจรรย์
อันบริบูรณ์สิ้นเชิง ก็เป็นคำสอนอันเราทั้งหลายทำให้แจ้งแล้ว. ทำ
ให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์ พอที่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดี ครั้นต่อมาศาสดาอันตรธานไป.
ดูก่อนจุนทะ ศาสดาเห็นปานนั้น ได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว ก็ไม่ทำให้สาวก
ทั้งหลายเดือดร้อน.

ว่าด้วยพรหมจรรย์



[102] ดูก่อนจุนทะ แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์
เหล่านี้ คือ ศาสดาไม่เป็นเถระ ไม่เป็นรัตตัญญู ไม่เป็นผู้บวชนาน ไม่
เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย พรหมจรรย์นั้นย่อมไม่บริบูรณ์ด้วยองค์นั้น. ดูก่อน
จุนทะ เมื่อใดแล แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ
ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย
เมื่อนั้น พรหมจรรย์ย่อมบริบูรณ์ด้วยองค์นั้น.
[103] ดูก่อนจุนทะ แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์
เหล่านี้ คือ ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาล
ผ่านวัย แต่ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ไม่เป็นเถระ ไม่เป็น
ผู้ฉลาด ไม่เป็นผู้ได้รับแนะนำ ไม่เป็นผู้แกล้วกล้า และบรรลุธรรม
อันเกษมจากโยคะ ไม่สามารถกล่าวพระสัทธรรมได้ ไม่สามารถแสดง
ธรรมให้มีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรัปปวาทอันเกิดขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรม

พรหมจรรย์นั้นย่อมไม่บริบูรณ์ด้วยองค์นั้น. ดูก่อนจุนทะ เมื่อใดแล แม้
หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัต-
ตัญญู ผู้เป็นบวชนาน เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย และภิกษุทั้งหลายผู้เป็น
สาวกของศาสดานั้น ก็เป็นเถระ เป็นผู้ฉลาด เป็นผู้ได้รับแนะนำ เป็น
ผู้แกล้วกล้า และเป็นผู้บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะแล้ว สามารถกล่าวสัท-
ธรรมได้โดยชอบ สามารถแสดงธรรมให้มีปาฎิหาริย์ ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิด
ขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรม อย่างนี้ เมื่อนั้น พรหมจรรย์ย่อมบริบูรณ์
ด้วยองค์นั้น.
[104] ดูก่อนจุนทะ แม้หากว่า พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์
เหล่านี้ คือศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาล
ผ่านวัย และภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้นก็เป็นเถระ เป็นผู้ฉลาด
เป็นผู้ได้รับแนะนำแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า เป็นผู้บรรลุธรรมอันเกษมจาก
โยคะแล้ว สามารถกล่าวสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถแสดงธรรมให้มี
ปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรัปปวาทอันเกิดขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรม แต่ภิกษุ
ทั้งหลายที่เป็นสาวกของศาสดานั้นที่เป็นผู้ปานกลางไม่มี. และภิกษุทั้ง
หลายผู้เป็นสาวกผู้ปานกลางถึงจะมีอยู่. แต่ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของ
ศาสดานั้นที่เป็นผู้ใหม่ไม่มี และภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดา
นั้นเป็นผู้ใหม่ถึงจะมีอยู่ แต่ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิการของศาสดานั้น
ที่เป็นเถรีถึงจะไม่มี และภิกษุณีทั้งหลายที่เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่
เป็นเถรีถึงจะมีอยู่ แต่ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่
เป็นเถรีถึงจะมีอยู่ แต่ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่
เป็นผู้ปานกลางไม่มี และภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่
เป็นผู้ ปานกลางมีอยู่ แต่ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นผู้

ใหม่ไม่มี และภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้น ที่เป็นผู้ใหม่ถึง
จะมีอยู่แต่อุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น. ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาว
ห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ไม่มี และอุบาสกทั้งหลาย ผู้เป็นสาวก
ของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์ นุ่งขาวห่มขาว ประพฤติพรหมจรรย์
มีถึงจะอยู่. แต่อุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์
นุ่งขาวห่มขาว บริโภคกามไม่มี และอุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของ
ศาสดานั้นที่เป็นคฤหัสถ์ นุ่งขาวห่มขาว บริโภคกามถึงจะมีอยู่. แต่อุษา
สิกาทั้งหลาย ผู้เป็นสาวิกา ของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาว
ประพฤติพรหมจรรย์ไม่มี และอุบาสิกาทั้งหลายที่เป็นสาวิกาของศาสดานั้น
ที่เป็นคฤหัสถ์ นุ่งขาวห่มขาว ประพฤติพรหมจรรย์ถึงจะมีอยู่. แต่
อุบาสิกาผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์ นุ่งขาวห่มขาว
บริโภคกามไม่มี และอุบาสิกาทั้งหลายเป็นสาวิการของศาสดานั้นที่เป็น
คฤหัสถ์ นุ่งขาวห่มขาว บริโภคกาม ถึงจะมีอยู่. แต่พรหมจรรย์ของ
ศาสดานั้นมิได้เป็นพรหมจรรย์ สำเร็จผล แพร่หลาย กว้างขวาง
ชนเป็นอันมากรู้ได้ เป็นปึกแผ่น พอที่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศ
ได้ด้วยดี และพรหมจรรย์นั้นแม้จะเป็นพรหมจรรย์ สำเร็จผลแพร่หลาย
กว้างขวาง ชนเป็นอันมากรู้ได้เป็นปึกแผ่น พอที่เทวดามนุษย์ทั้ง
หลายประกาศได้ด้วยดี แต่พรหมจรรย์นั้นไม่ถึงความเลิศด้วยลาภเลิศด้วย
ยศอย่างนี้ พรหมจรรย์อย่างนั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ด้วยองค์นั้น.
ดูก่อนจุนทะ เมื่อใดแล พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ
ศาสดาเป็นเถระ เป็นรัตตัญญู เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาลผ่านวัย และ
ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ก็เป็นเถระผู้ฉลาด ได้รับแนะนำ
แล้ว แกล้วกล้า ได้บรรลุธรรมอันเกษมจากโยคะแล้ว สามารถเพื่อจะกล่าว
พระสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถเพื่อแสดงธรรมให้มีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรับ-

ปวาทที่เกิดขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรม. ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของ
ศาสดานั้น ที่เป็นผู้ปานกลางก็มีอยู่ ที่เป็นผู้ใหม่ก็มีอยู่ ภิกษุณีทั้งหลาย
ผู้เป็นสาวิภาของศาสดานั้น ที่เป็นเถรีก็มีอยู่ ที่เป็นผู้ปานกลางก็มีอยู่ ที่เป็น
ผู้ใหม่ก็มีอยู่ อุบาสกทั้งหลายุผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่ง-
ขาวห่มขาว ประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่ ที่บริโภคกามก็มีอยู่ อุบาสิกาทั้ง
หลายที่เป็นสาวิกาของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์ก็นุ่งขาวห่มขาว ประพฤติ
พรหมจรรย์ก็มีอยู่ บริโภคกามก็มีอยู่ และพรหมจรรย์ของศาสดานั้นก็
เป็นคำสอนสำเร็จผล แพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมากรู้ได้ เป็นปึก-
แผ่นพอที่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี และถึงความเลิศด้วย
ลาภเลิศด้วยยศ เมื่อนั้นพรหมจรรย์นั้นย่อมบริบูรณ์ด้วยองค์นั้น.
[105] ดูก่อนจุนทะ ก็บัดนี้เราเป็นศาสดาเป็นอรหันต-
สัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้นแล้วในโลก ธรรมก็เป็นธรรมที่เรากล่าวดีแล้ว
ประกาศดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกไปจากทุกข์ได้ เป็นไป
เพื่อความสงบ เป็นธรรมอันเราผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้แล้ว สาวก
ทั้งหลายของเราก็เป็นผู้รู้แจ้งเนื้อความในสัทธรรม และพรหมจรรย์
อันบริบูรณ์สิ้นเชิง ก็เป็นพรหมจรรย์อันเราทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว
ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์พอที่เทวดาและมนุษย์
ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี ก็สาวกเหล่านั้นแล้ว. ดูก่อนจุนทะ ก็บัดนี้
เราแลเป็นศาสดา ผู้เถระ เป็นรัตตัญญู ผู้บวชนาน ผู้ล่วงกาลผ่านวัยมา
โดยลำดับ.
[106] ดูก่อนจุนทะ ก็บัดนี้ภิกษุสาวกของเราเป็นเถระ เป็นผู้
ฉลาด ได้รับแนะนำแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า บรรลุธรรมเป็นแดนเกษมจาก
โยคะแล้ว สามารถจะกล่าวสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถจะแสดงธรรมให้
มีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วได้ด้วยดี โดยชอบธรรมมีอยู่

ดูก่อนจุนทะ บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายของเราผู้เป็นเถระก็มีอยู่. ผู้ปานกลางก็มีอยู่.
ผู้ใหม่ก็มีอยู่. ดูก่อนจุนทะ บัดนี้ภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายของเราผู้เป็นเถรี
ก็มีอยู่. ผู้ปานกลางก็มีอยู่. ผู้ใหม่ก็มีอยู่. ดูก่อนจุนทะอุบาสกผู้สาวกและ
อุบาสิกาผู้สาวิกาทั้งหลายของเราผู้เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหม-
จรรย์ก็มีอยู่ บริโภคกามก็มีอยู่. ดูก่อนจุนทะ บัดนี้พรหมจรรย์ของเราก็
สำเร็จผล แพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมากก็รู้ได้ เป็นปึกแผ่นพอที่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ด้วยดีแล้ว.

ว่าด้วยศาสดาที่เลิศด้วยลาภ



[107] ดูก่อนจุนทะ เท่าที่ศาสดาทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วในโลกใน
บัดนี้ เรายังไม่เห็นศาสดาอื่นสักผู้เดียวที่ถึงความเลิศด้วยลาภ เลิศด้วยยศ
เหมือนเรา. ดูก่อนจุนทะ อนึ่ง เท่าที่สงฆ์ หรือคณะเกิดขึ้นแล้วในโลก
นี้ เรายังไม่เห็นสงฆ์หรือคณะสักหมู่เดียว ที่ถึงความเลิศด้วยลาภ เลิศด้วย
ยศเหมือนภิกษุสงฆ์เลย. ดูก่อนจุนทะ บุคคลเมื่อกล่าวโดยชอบ พึงกล่าวว่า
พรหมจรรย์นี้เท่านั้นเป็นพรหมจรรย์สมบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง บริบูรณ์ด้วย
อาการทั้งปวง ไม่หย่อน ไม่ยิ่ง อันศาสดากล่าวไว้ดีแล้ว บริบูรณ์สิ้นเชิง
ประกาศไว้ดีแล้ว ดังนี้.
ดูก่อนจุนทะ ได้ยินมาว่า อุทกดาบสรามบุตรกล่าววาจาอย่างนี้ว่า
บุคคลเห็นอยู่ชื่อว่าย่อมไม่เห็น. บุคคลเห็นอยู่ซึ่งอะไรชื่อว่าย่อมไม่เห็น.
บุคคลเห็นพื้นส่วนเบื้องล่างแห่งมีดโกนที่ลับดีแล้ว แต่จะไม่เห็นคมแห่งมีด
โกนนั้น. ดูก่อนจุนทะ ข้อนี้ที่อุทกดาบสรามบุตรกล่าวว่า บุคคลเห็นอยู่ชื่อ
ว่าย่อมไม่เห็น. ดูก่อนจุนทะ ก็คำนี้นี่แหละที่อุทกดาบสรามบุตรกล่าวแล้ว
เป็นคำเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นคำของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่
ประกอบด้วยประโยชน์ เพราะหมายเอามีดโกนเท่านั้น. ดูก่อนจุนทะ เมื่อ