เมนู

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถูกแล้ว สารีบุตร เมื่อเธอถูกเขา
ถามอย่างนี้ แก้อย่างนี้ นับว่าเป็นผู้กล่าวตามพุทธพจน์ที่เรากล่าว
แล้วทีเดียว ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง ชื่อว่าแก้ไปตามธรรม
สมควรแก่ธรรม ทั้งการโต้ตอบอันมีเหตุอย่างไร ๆ ก็มิได้มาถึงสถานะ
อันควรติเตียน.

พระอุทายีสรรเสริญพระพุทธองค์



[93] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายี
ยีได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา
ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา มีอยู่แก่พระตถาคต
ผู้ทรงมีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ แต่ไม่ทรงแสดงพระองค์ให้ปรากฏ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก ได้เห็นธรรม
แม้สักข้อหนึ่งจากธรรมของพระองค์นี้ในตนแล้ว พวกเขาจะต้องยก
ธงเที่ยวประกาศ ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่า
อัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา
มีอยู่แก่พระตถาคตผู้ทรงมีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ แต่ไม่ทรงแสดง
พระองค์ให้ปรากฏ.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนอุทายี เธอจงดูความนักน้อย
ความสันโดษ ความขัดเกลาของตถาคตผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้
แต่ไม่แสดงตนให้ปรากฏ เพราะเหตุนั้น ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริ-
พาชก ได้เห็นธรรมแม้สักข้อหนึ่งจากธรรมของเรานี้ในตนแล้ว
พวกเขาจะต้องยกธงเที่ยวประกาศ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ดูก่อนอุทายี
เธอจงดูความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลาของตถาคตผู้มี
ฤทธิ์มีอานุภาพอย่างนี้ แต่ไม่แสดงตนให้ปรากฏ.

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า
เพราะเหตุนั้นแล สารีบุตร เธอพึงกล่าวธรรมปริยายนี้เนือง ๆ แก่
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้ ดูก่อน
สารีบุตร ความสงสัยหรือความเคลือบแคลงในตถาคต ซึ่งจักยังมี
อยู่บ้างแก่โมฆบุรุษทั้งหลาย พวกเขาจักละเสียได้ ก็เพราะได้ฟังธรรม
ปริยายนี้.
ท่านพระสารีบุตรได้ประกาศความเลื่อมใสของตนนี้ เฉพาะ
พระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยประการฉะนี้. เพราะฉะนั้น คำ
ไวยากรณ์นี้ จึงมีชื่อว่า "สัมปสาทนียะ" ดังนี้แล.
จบสัมปสาทนียสูตร ที่ 5

อรรถกถาสัมปสาทนียสูตร



สัมปสาทนียสูตร มีคำขึ้นต้นว่า เอวมฺเน สุตํ ดังนี้.
ในสัมปสาทนียสูตรนั้น มีการพรรณนาบทที่ยังไม่ชัด ดังต่อไป
นี้. บทว่า นาฬนฺทายํ ความว่า ใกล้พระนครซึ่งได้นามว่า นาฬันทา
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำเมืองนาลันทานั้นให้เป็นที่โคจรคาม. บทว่า
ปาวาริกมฺพวเน ความว่า ที่สวนมะม่วงของเศรษฐีผู้มีผ้ามีขนอ่อนนุ่ม.
ได้ยินว่า สวนมะม่วงนั้นเป็นสวนของเศรษฐีนั้น. เขาได้ฟังพระธรรม-
เทศนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว มีความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้สร้างวิหาร ซึ่งประดับด้วยกุฏิที่พักผ่อนและมณฑปเป็นต้นในอุทยานนั้น
มอบถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า วิหารนั้นได้ถึงการนับว่า ปาวาริกัมพวัน
เหมือนชีวกัมพวันฉะนั้น. อธิบายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ประทับอยู่ที่
ปาวาริกัมพวันนั้น. ท่านพระสารีบุตรได้กราบทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มีความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า
อย่างนี้. ถามว่า เพราะเหตุไร พระเถระจึงทูลอย่างนี้ ตอบว่า เพื่อ
ประกาศความโสมนัสซึ่งบังเกิดแก่ตน.
ในเรื่องนี้ มีการกล่าวตามลำดับดังต่อไปนี้. นัยว่า ในวันนั้น
พระเถระชำระร่างกายแต่เช้าตรู่ นุ่งห่มเรียบร้อยแล้ว ถือบาตรจีวร นำ
ความเลื่อมใสมาให้เกิดแก่หมู่เทวดาและมนุษย์ ด้วยอิริยาบถมีการก้าวไป
ข้างหน้าเป็นต้นอันน่าเลื่อมใส หวังเพิ่มพูลประโยชน์สุขแก่ชาวเมือง
นาลันทา จึงเข้าไปเพื่อบิณฑบาต ในเวลาหลังภัตก็กลับจากบิณฑบาตไป
วิหารแล้ว แสดงวัตรแด่พระศาสดา เมื่อ พระศาสดาเสด็จเข้าพระคันธกุฏี
แล้ว ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว กลับไปยังที่พักกลางวันของตน เมื่อสัทธิ-