เมนู

ทรงรู้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ซึ่งไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นที่รู้ยิ่งแล้ว จะ
มีความรู้ยิ่งขึ้นไปกว่าพระองค์ในฝ่ายอิทธิวิธี.

ว่าด้วยพระสารีบุตรทูลถาม



[91] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สิ่งใดอันกุลบุตรผู้มีศรัทธา
ปรารภความเพียร มีความเพียรมั่น จะพึงถึงด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ
ด้วยความเพียรของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษ ด้วยความเอา
ธุระของบริษัท สิ่งนั้นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้บรรลุเต็มที่แล้ว. อนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงประกอบความพัวพันด้วยความสุขในกาม ซึ่ง
เป็นของเลว เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ใช่ของพระอริยะ
ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่ทรงประกอบการทำตนให้ลำบาก
เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของพระอริยะ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ อนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงได้ฌาน 4 อันล่วงกามาวจรจิตเสีย ให้อยู่สบาย
ในปัจจุบันได้ตามประสงค์ ได้ไม่ยาก ไม่ลำบาก. ถ้าเขาถามข้าพระ-
องค์อย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านสารีบุตร สมณะหรือพราหมณ์เหล่าอื่นที่
ได้มีในอดีต ท่านที่มีความรู้เยี่ยมยิ่งกว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าในสัมโพธิ-
ญาณมีไหม. เมื่อเขาถามอย่างนี้ ข้าพระองค์พึงตอบว่า ไม่มี. ถ้าเขา
ถามว่า สมณะหรือพราหมณ์เหล่าอื่นที่จักมีในอนาคต ท่านที่มีความ
รู้เยี่ยมยิ่งกว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าในสัมโพธิญาณจักมีไหม. เมื่อเขา
ถามอย่างนี้ ข้าพระองค์พึงตอบว่า ไม่มี. ถ้าเขาถามว่า สมณะหรือ
พราหมณ์เหล่าอื่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ท่านที่มีความรู้เสมอเท่ากับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าในสัมโพธิญาณมีอยู่ไหม. เมื่อเขาถามอย่างนี้ ข้า-
พระองค์พึงตอบว่าไม่มี. ถ้าเขาถามว่า สมณะหรือพราหมณ์ เหล่าอื่น
ที่ได้มีในอดีต ท่านที่มีความรู้เสมอเท่ากับพระผู้มีพระภาคเจ้าในสัม-

โพธิญาณมีไหม. เมื่อเขาถามอย่างนี้ ข้าพระองค์พึงตอบว่า มีอยู่.
ถ้าเขาถามว่า สมณะหรือพราหมณ์เหล่าอื่นที่จักมีในอนาคต ท่านที่มี
ความรู้เสมอเท่ากับพระผู้มีพระภาคเจ้า ในสัมโพธิญาณจักมีไหม. เมื่อ
เขาถามอย่างนี้ ข้าพระองค์พึงตอบว่า มีอยู่. ถ้าเขาถามว่า สมณะ
หรือพราหมณ์เหล่าอื่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ท่านที่มีความรู้เสมอเท่ากับ
พระผู้มีพระภาคเจ้าในสัมโพธิญาณมีไหม. เมื่อเขาถามอย่างนี้ ข้าพระ
องค์พึงตอบว่า ไม่มี. ก็ถ้าเขาถามข้าพระองค์ว่า เหตุไรท่านจึงตอบรับ
เป็นบางอย่าง ปฏิเสธเป็นบางอย่าง เมื่อเขาถามอย่างนี้ ข้าพระองค์
พึงตอบเขาว่า นี่แน่ะท่าน ข้อนี้ ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะพระพักตร์
ได้รับเรียนมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระอรหันต-
สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต เป็นผู้มีความรู้เสมอเท่ากับเราใน
สัมโพธิญาณ ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะพระพักตร์ได้รับเรียนมา
เฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธ-
เจ้าทั้งหลายในอนาคต จักเป็นผู้มีความรู้เสมอเท่ากับเราในสัมโพธิ-
ญาณ ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมาเฉพาะพระพักตร์ ได้รับเรียนมาเฉพาะ
พระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้อที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
2 พระองค์ จะเกิดพร้อมกันในโลกธาตุเดียวกันนั้น ไม่ใช่ฐานะ
ไม่ใช่โอกาส นั่นเป็นฐานะที่จะมีไม่ได้.
[92] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์ถูกเขาถามอย่าง
นี้ จะนับว่ากล่าวตามพระพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้แล้ว
แล ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่จริงแลหรือ ชื่อว่าแก้
ไปตามธรรม สมควรแก่ธรรมแลหรือ ทั้งการโต้ตอบอันมีเหตุอย่างไรๆ
มิได้มาถึงสถานะอันควรติเตียนแลหรือ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถูกแล้ว สารีบุตร เมื่อเธอถูกเขา
ถามอย่างนี้ แก้อย่างนี้ นับว่าเป็นผู้กล่าวตามพุทธพจน์ที่เรากล่าว
แล้วทีเดียว ไม่ชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง ชื่อว่าแก้ไปตามธรรม
สมควรแก่ธรรม ทั้งการโต้ตอบอันมีเหตุอย่างไร ๆ ก็มิได้มาถึงสถานะ
อันควรติเตียน.

พระอุทายีสรรเสริญพระพุทธองค์



[93] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายี
ยีได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา
ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา มีอยู่แก่พระตถาคต
ผู้ทรงมีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ แต่ไม่ทรงแสดงพระองค์ให้ปรากฏ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก ได้เห็นธรรม
แม้สักข้อหนึ่งจากธรรมของพระองค์นี้ในตนแล้ว พวกเขาจะต้องยก
ธงเที่ยวประกาศ ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่า
อัศจรรย์นัก ไม่เคยมีมา ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา
มีอยู่แก่พระตถาคตผู้ทรงมีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้ แต่ไม่ทรงแสดง
พระองค์ให้ปรากฏ.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนอุทายี เธอจงดูความนักน้อย
ความสันโดษ ความขัดเกลาของตถาคตผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมากอย่างนี้
แต่ไม่แสดงตนให้ปรากฏ เพราะเหตุนั้น ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริ-
พาชก ได้เห็นธรรมแม้สักข้อหนึ่งจากธรรมของเรานี้ในตนแล้ว
พวกเขาจะต้องยกธงเที่ยวประกาศ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ดูก่อนอุทายี
เธอจงดูความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลาของตถาคตผู้มี
ฤทธิ์มีอานุภาพอย่างนี้ แต่ไม่แสดงตนให้ปรากฏ.