เมนู

4. สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิปทาที่ปฏิบัติได้สะดวก ทั้ง
รู้ได้เร็ว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในปฏิปทา 4 นั้น ปฏิปทาที่ปฏิบัติ
ลำบากทั้งรู้ได้ช้านี้ นับเป็นปฏิปทาที่ทราม เพราะประการทั้งสอง คือ
เพราะปฏิบัติลำบากและเพราะรู้ได้ช้า. อนึ่ง ปฏิปทาที่ปฏิบัติลำบากแต่
รู้ได้เร็วนี้ นับว่าเป็นปฏิปทาที่ทราม เพราะปฏิบัติลำบาก. ปฏิปทาที่
ปฏิบัติได้สะดวกแต่รู้ได้ช้านี้ นับว่าเป็นปฏิปทาที่ทราม เพราะรู้ได้ช้า.
ส่วนปฏิปทา ที่ปฏิบัติสะดวกทั้งรู้ได้เร็วนี้ นับว่าเป็นปฏิปทาประณีต
เพราะประการทั้งสอง คือ เพราะปฏิบัติสะดวก และเพราะรู้ได้เร็ว.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้เป็นธรรมที่เยี่ยมในฝ่ายปฏิปทา.

ว่าด้วยภัสสสมาจารและศีลสมาจารของบุรุษ



[83] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมที่
เยี่ยม คือพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมในฝ่ายภัสสมาจาร (มารยาท
เกี่ยวด้วยคำพูด) คนบางคนในโลกนี้ ไม่กล่าววาจาเกี่ยวด้วยมุสาวาท ไม่
กล่าววาจาส่อเสียด อันทำความแตกร้าวกัน ไม่กล่าววาจาอันเกิดแต่ความ
แข่งดีกัน ไม่มุ่งความชนะ กล่าวแต่วาจาซึ่งไตร่ตรองด้วยปัญญา อันควร
ฝังไว้ในใจ ตามกาลอันควร. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นี้เป็นธรรมที่เยี่ยม
ในฝ่ายภัสสสมาจาร.
[84] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อธรรม
ที่เยี่ยม คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมฝ่ายศีลสมาจารของบุรุษ. คน
บางคนในโลกนี้ เป็นคนมีสัจจะ มีศรัทธา ไม่เป็นคนพูดหลอดลวง ไม่
พูดเลียบเคียง ไม่พูดหว่านล้อม ไม่พูดแทะเล็ม ไม่แสวงหาลาภด้วยลาภ
เป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในโภชนะ ทำความ

สม่ำเสมอ ประกอบชาคริยานุโยค ไม่เกียจคร้าน ปรารภความเพียร
เพ่งฌาน มีสติ พูดดี และมีปฏิภาณ มีคติ มีปัญญาทรงจำ มีความรู้
ไม่ติดอยู่ในกาม มีสติ มีปัญญารักษาตน เที่ยวไป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
นี้เป็นธรรมที่เยี่ยม ในฝ่ายศีลสมาจารของบุรุษ.

ว่าด้วยอนุสาสนวิธี 4



[85] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ยังมีอีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรม
ที่เยี่ยม คือพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมในฝ่ายอนุสาสนวิธี อนุสา-
สนวิธี 4 อย่างเหล่านี้ คือ
1. พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบบุคคลอื่น ด้วยมนสิการโดย
ชอบเฉพาะพระองค์ว่า บุคคลนี้ เมื่อปฏิบัติตามที่สั่งสอน จักเป็นพระ-
โสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้ในเบื้อง
หน้า เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป.
2. พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบบุคคลอื่นด้วยมนสิการโดย
ชอบเฉพาะพระองค์ว่า บุคคลนี้เมื่อปฏิบัติตามที่สั่งสอน จักเป็นพระสกทา
คามี จักมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้น แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ เพราะ
สังโยชน์ 3 สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ และโมหะเบาบาง.
3. พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบบุคคลอื่น ด้วยมนสิการ
โดยชอบเฉพาะพระองค์ว่า บุคคลนี้ เมื่อปฏิบัติตามที่สั่งสอน จักเป็นพระ-
อนาคามีผู้เป็นโอปปาติกะ ปรินิพพานในชั้นสุทธาวาสนั้น ไม่ต้องกลับมา
จากโลกนั้น เพราะสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 สิ้นไป.
4. พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมทรงทราบบุคคลอื่น ด้วยมนสิการ
โดยชอบเฉพาะพระองค์ว่า บุคคลนี้ เมื่อปฏิบัติตามที่สั่งสอน จักได้บรรลุ
เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป