เมนู

คำเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา จงเสวยสมบัติ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวก
พระราชาอริราช ที่อยู่ ณ ทิศปัจฉิมได้พากันตามเสด็จท้าวเธอไป.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นจักรแก้วนั้น ก็ลงสู่สมุทรด้านทิศปัจฉิม
แล้วโผล่ขึ้นไปสู่ทิศอุดร. พระเจ้าจักรพรรดิ พร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา
ก็เสด็จติดตามไป. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักรแก้ว ประดิษฐานอยู่ ณ
ประเทศใดท้าวเธอพร้อมด้วยจตุรงคินีเสนา ก็เสด็จเข้าไปพักอยู่ ณ
ประเทศนั้น.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายพระราชาอริราช ที่อยู่ ณ ทิศอุดรก็
พากันเสด็จเข้าไปเฝ้าท้าวเธอ ได้กราบทูลอย่างนี้ว่า ขอเชิญเสด็จมา
เถิด มหาราชเจ้า พระองค์เสด็จมาดีแล้ว มหาราชเจ้า อาณาจักร
เหล่านี้เป็นของพระองค์ทั้งสิ้น มหาราชเจ้า ขอพระองค์ทรงปกครอง
เถิด. ท้าวเธอจึงตรัสอย่างนี้ว่า พวกท่านไม่พึงฆ่าสัตว์ ไม่พึงถือเอา
สิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ ไม่พึงประพฤติผิดในกามทั้งหลาย ไม่พึง
กล่าวคำเท็จ ไม่พึงดื่มน้ำเมา จงเสวยสมบัติตามเดิมเถิด. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย พวกพระราชาอริราชที่อยู่ ณ ทิศอุดร ได้พากันตาม
เสด็จท้าวเธอไป. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น จักรแก้วนั้นได้
ชนะวิเศษยิ่งซึ่งแผ่นดินมีสมุทรเป็นขอบวชได้แล้ว จึงกลับคืนสู่
ราชธานีนั้น ได้หยุดอยู่ที่ประตูพระราชวังของท้าวเธอ ปรากฏเหมือน
เครื่องประดับ ณ มุขสำหรับทำเรื่องราว ว่างไสวอยู่ทั่วภายในพระ-
ราชวังของท้าวเธอ.

ว่าด้วยจักรแก้วทิพย์ถอยเคลื่อนจากที่



[37] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักรพรรดิองค์ที่ 2
ก็ดี องค์ที่ 3 ก็ดี องค์ที่ 4 ก็ดี องค์ที่ 5 ก็ดี องค์ที่ 6 ก็ดี องค์-

ที่ 7 ก็ดี โดยกาลล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี ได้ตรัส
เรียกบุรุษคนหนึ่งมารับสั่งว่า ดูก่อนบุรุษผู้เจริญ ในขณะที่ท่านเห็น
จักรแก้วอันเป็นทิพย์ ถอยเคลื่อนจากที่ พึงบอกแก่เราทันที.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษนั้นทูลสนองพระราชดำรัสของ
ท้าวเธอแล้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โดยล่วงไปอีกหลายปี หลายร้อยปี
หลายพันปี บุรุษนั้นได้แลเห็นจักรแก้วอันเป็นทิพย์ถอยเคลื่อนจากที่
จึงเข้าไปเฝ้าท้าวเธอถึงที่ประทับ แล้วได้กราบทูลว่า ขอเดชะ พระ-
พุทธเจ้าข้า ขอพระองค์พึงทรงทราบ จักรแก้วอันเป็นทิพย์ของพระองค์
ถอยเคลื่อนจากที่แล้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอ
ตรัสเรียกพระกุมารซึ่งเป็นโอรสองค์ใหญ่มารับสั่งว่า ดูก่อนพ่อกุมาร
ได้ยินว่า จักรแก้วอันเป็นทิพย์ของพ่อถอยเคลื่อนจากที่แล้ว นั่นเป็น
ความสุขของพ่อ ก็พ่อได้สดับมาดังนี้ว่า จักรแก้วอันเป็นทิพย์ของ
พระเจ้าจักรพรรดิพระองค์ใด ถอยเคลื่อนจากที่ พระเจ้าจักรพรรดิ
พระองค์นั้นพึงทรงพระชนม์อยู่ได้ไม่นาน ในบัดนี้ ก็กามทั้งหลาย
อันเป็นของมนุษย์ พ่อได้เสวยแล้ว บัดนี้เป็นสมัยที่พ่อจะแสวงหา
กามทั้งหลายอันเป็นทิพย์ มาเถิดพ่อกุมาร ลูกจงปกครองแผ่นดิน
อันมีสมุทรเป็นขอบเขตนี้ ฝ่ายพ่อจะปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้า
ย้อมน้ำฝาด ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ลำดับนั้น ท้าวเธอทรงสั่งสอนพระกุมารซึ่งเป็นโอรสองค์ใหญ่ใน
ราชสมบัติเรียบร้อยแล้ว ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครอง
ผ้าย้อมน้ำฝาด เสด็จออกจากเรือน ทรงผนวชเป็นบรรพชิตแล้ว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อพระราชฤาษี ทรงผนวชได้ 7 วัน จักรแก้ว
อันเป็นทิพย์ อันตรธานไปแล้ว.
[38] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น บุรุษคนหนึ่งเข้าไป

เฝ้าพระราชาผู้เป็นกษัตริย์ ซึ่งได้มูรธาภิเษกแล้วถึงที่ประทับ ครั้น
แล้ว ได้กราบทูลว่า ขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ทรงทราบ
เถิด จักรแก้วอันเป็นทิพย์ อันตรธานไปแล้ว. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ลำดับนั้น ท้าวเธอเมื่อจักรแก้วอันเป็นทิพย์อันตรธานไปแล้ว ได้ทรง
เสียพระทัย และได้ทรงเสวยความโทมนัส แต่ไม่ได้เสด็จเข้าไปเฝ้า
พระราชฤาษี ทูลถามถึงจักกวัตติวัตรอันประเสริฐ. นัยว่า ท้าวเธอ
ทรงปกครองประชาราษฎร์ตามพระมติของพระองค์เอง เมื่อท้าวเธอ
ทรงปกครองประชาราษฎร์ตามพระมติของพระองค์เองอยู่ ประชา-
ราษฎร์ก็ไม่เจริญต่อไป เหมือนเก่าก่อน เหมือนเมื่อกษัตริย์พระองค์
ก่อน ๆ ซึ่งได้ทรงประพฤติในจักกวัตติวัตรอันประเสริฐอยู่. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น คณะอำมาตย์ข้าราชบริพารโหราจารย์และมหา-
อำมาตย์ นายกองช้าง นายกองม้า เป็นต้น คนรักษาประตู และ
คนเลี้ยงชีพด้วยปัญญา ได้ประชุมกันกราบทูลท้าวเธอว่า พระพุทธ-
เจ้าข้า ได้ยินว่า เมื่อพระองค์ทรงปกครองประชาราษฎร์ตามพระมติ
ของพระองค์เอง ประชาราษฎร์ไม่เจริญเหมือนเก่าก่อน เหมือนเมื่อ
กษัตริย์พระองค์ก่อน ๆ ซึ่งได้ทรงประพฤติในจักกวัตติวัตรอันประ-
เสริฐอยู่ พระพุทธเจ้าข้า ในแว่นแคว้นของพระองค์มีอำมาตย์ข้า
ราชบริพาร โหราจารย์ และมหาอำมาตย์ นายกองช้าง นายกองม้า
เป็นต้น คนรักษาประตู และคนเลี้ยงชีพด้วยปัญญา อยู่พร้อม
ทีเดียว ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย คือข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายด้วย
และประชาราษฎร์เหล่าอื่นด้วย ทรงจำจักกวัตติวัตรอันประเสริฐได้
อยู่ ขอเชิญพระองค์โปรดตรัสถามถึงจักกวัตติวัตรอันประเสริฐเถิด
พวกข้าพระพุทธเจ้า อันพระองค์ตรัสถามแล้ว จักกราบทูลแก้จักก-
วัตติวัตรอันประเสริฐถวายพระองค์.

ว่าด้วยอทินนาทาน



[39] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอโปรดให้
ประชุมอำมาตย์ราชบริพารโหราจารย์และมหาอำมาตย์ นายกองช้าง
นายกองม้าเป็นต้น คนรักษาประตู และคนเลี้ยงชีพด้วยปัญญา แล้ว
ตรัสถามจักกวัตติวัตรอันประเสริฐ. เขาเหล่านั้น อันท้าวเธอตรัส
ถามจักกวัตติวัตรอันประเสริฐแล้ว จึงกราบทูลแก้ถวายท้าวเธอ.
ท้าวเธอได้ฟังคำทูลแก้ของพวกเขาแล้ว จึงทรงจัดการรักษาป้องกัน
และคุ้มครองอันชอบธรรม แต่ไม่ได้พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่
ไม่มีทรัพย์. เมื่อไม่พระราชทานทรัพย์ให้แก่คนที่ไม่มีทรัพย์ ความ
ขัดสนจึงได้ถึงความแพร่หลาย. เมื่อความขัดสนถึงความแพร่หลาย
บุรุษคนหนึ่งจึงขโมยทรัพย์ของตนอื่นไป. เขาช่วยกันจับบุรุษนั้นได้
แล้ว แสดงแก่ท้าวเธอว่า พระพุทธเจ้าข้า บุรุษคนนี้ขโมยเอาทรัพย์
ของคนอื่นไป. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขาพากันกราบทูลอย่างนี้
แล้ว ท้าวเธอจึงตรัสคำนี้กะบุรุษผู้นั้นว่า พ่อบุรุษ ได้ยินว่า เธอ
ขโมยเอาทรัพย์ของคนอื่นไปจริงหรือ. บุรุษนั้นทูลว่า จริงพระพุทธ-
เจ้าข้า. ท้าวเธอถามว่า เพราะเหตุไร. บุรุษทูลว่า เพราะข้าพระพุทธ-
เจ้าไม่มีอะไรจะเลี้ยงชีพ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น ท้าวเธอจึงพระราชทาน
ทรัพย์ให้แก่เขาแล้วรับสั่งว่า พ่อบุรุษเธอจงเลี้ยงชีพ จงเลี้ยงมารดา
บิดา จงเลี้ยงบุตรภรรยา จงประกอบการงานทั้งหลาย จงตั้งทักษิณา
ที่มีผลในเบื้องบน อันเกื้อกูลแก่สวรรค์ มีสุขเป็นผล เป็นไปเพื่อ
สวรรค์ ในสมณพราหมณ์ทั้งหลาย ด้วยทรัพย์นี้เถิด ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เขาได้สนองพระราชดำรัสของท้าวเธอแล้ว.