เมนู

โดยรอบเหมือนในคำนี้ว่า ยังพระเชตวัน โดยรอบอย่างสิ้นเชิง. คำว่า ส่อง
ให้สว่าง
คือแผ่ไปด้วยแสง. หมายความว่า ทำให้เป็นแสงลำเดียว ให้เป็น
ประทีปดวงเดียว ดังพระจันทร์และดังพระอาทิตย์.
คำว่า ที่สุธรรมาสภา คือที่สภาที่เกิดเพราะผลแห่งไม้กรรณิการ์ซึ่ง
พอ ๆ กับ แก้วของหญิงชื่อสุธรรมา. ดังได้ยินมาว่า พื้นของสุธรรมาสภานั้น
สำเร็จด้วยแก้วผลึก ลิ่มสลักเอาแก้วมณีมาทำ เสาสำเร็จด้วยทองคำ ของเชื่อม
เสา และเต้าทำจากเงิน รูปสัตว์ร้ายเอาแก้วประพาฬมาทำ จันทันเพดานและ
ขอบหน้ามุขเอาแก้ว 7ชนิดมาสร้าง กระเบื้องใช้ก้อนอิฐสีแก้วอินทนิล หลังคา
เอาทองคำมาทำ โดมทำด้วยเงิน โดยส่วนยาวและส่วนกว้าง ข้างละ 300 โยชน์
โดยบริเวณรอบใน 900 โยชน์ โดยส่วนสูง 500 โยชน์. สุธรรมาสภาเห็น
ปานนี้.
ในบทเป็นต้นว่า ท้าวธตรฐ พึงทราบว่า ท้าวธตรฐเป็นราซา
แห่งคนธรรพ์ อันพวกเทวดานักฟ้อนแสนโกฏิแวดล้อมแล้วให้ถือเอาแผ่นกระ-
ดานใหญ่ที่ทำด้วยทองคำแสนโกฏิ และหอกทองคำแล้วหันพระพักตร์ไปทิศ
ตะวันตก เอาพวกเทวดาในเทวโลกทั้งสองไว้ข้างหน้าแล้วประทับนั่งทางทิศ
ตะวันออก.
ท้าววิรุฬหกเป็นราชาแห่งกุมภัณฑ์ อันเหล่าเทพพวกกุมภัณฑ์แสน.
โกฏิแวดล้อมแล้ว ให้ถือเอาแผ่นกระดานใหญ่ที่ทำด้วยเงินแสนโกฏิ และหอก
ทองคำแล้วหันพระพักตร์ไปทิศเหนือ เอาพวกเทวดาในเทวโลกทั้งสองไว้ข้าง
หน้าแล้วประทับนั่งทางทิศใต้.
ท้าววิรูปักษ์เป็นราชาแห่งนาค มีพวกนาคแสนโกฏิแวดล้อมให้ถือเอา
กระดานแผ่นใหญ่สำเร็จด้วยมณีแสนโกฏิ และหอกทองคำแล้วหันพระพักตร์

ไปทางทิศตะวันออก เอาพวกเทวดาในเทวโลกทั้งสองไว้ข้างหน้าแล้วประทับ
นั่งทางทิศตะวันตก.
ท้าวเวสวัณเป็นราชาแห่งยักษ์ มีพวกยักษ์แสนโกฏิแวดล้อมให้ถือ
เอากระดานแผ่นใหญ่ที่ทำด้วยแก้วประพาฬแสนโกฏิ และหอกทองคำหันพระ
พักตร์ไปทางทิศใต้ เอาพวกเทวดาในเทวโลกทั้งสองไว้ข้างหน้าแล้วประทับนั่ง
ทางทิศเหนือ.
บทว่า และข้างหลังเป็นอาสนะของพวกเรา คือ โอกาส
สำหรับนั่งของพวกเรา ย่อมถึงทางด้านหลังของท่านทั้ง 4 องค์นั้น ต่อจาก
นั้น พวกเราจะเข้าก็ไม่ได้ หรือจะดูก็ไม่ได้
สำหรับในกรณีนี้ ท่านกล่าวเหตุการประชุมกัน 4 อย่างไว้ก่อน
ทีเดียว. ในเหตุทั้ง 4 อย่างนั้น การประมวลลงในวันเข้าพรรษาท่านขยายไว้
ให้กว้างขวางแล้ว. จริงอยู่ เหตุในวันเข้าพรรษาเป็นฉันใด ภิกษุทั้งหลาย
ประชุมกันในวันเพ็ญในวันมหาปวารณาปรึกษากันว่า วันนี้พวกเราจักไปไหน
แล้วปวารณาในสำนักใคร ก็ฉะนั้น ในที่ประชุมนั้นท้าวสักกะ จอมทวยเทพ
โดยมากจะทรงปวารณาในปิยังคุทีปพระมหาวิหารนั่นเอง. พวกเทพที่เหลือ
ก็ถือเอาดอกไม้ทิพย์เช่นดอกปาริฉัตรเป็นต้น และผงจันทน์ทิพย์แล้วไปสู่ที่เป็น
ที่ชอบใจของตน ๆ แล้ว ปวารณากัน. แบบนี้ชื่อว่า ย่อมประชุมกันเพื่อ
ประโยชน์แก่การสงเคราะห์ปวารณา.
ก็ในเทวโลกมีเถาชื่ออาสาวดี พวกเทวดาคิดว่าเถานั้นจักออกดอก
จึงไปสู่ที่บำรุงตลอดพันปี เมื่อต้นปาริฉัตรกำลังออกดอกพวกเทวดาไปสู่ที่
บำรุงตลอดหนึ่งปี. เทวดาเหล่านั้นพากันดีใจ ตั้งแต่ต้นไม้นั้นมีใบเหลืองเป็น
ต้นไป. เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ในสมัยใด
ไม้ปาริฉัตร คือไม้ทองหลาง ของพวกเทพชาวดาวดึงส์ มีใบเหลือง ภิกษุ