เมนู

ความตรึก และไม่มีความตรอง ด้วยอำนาจความเข้าใจของภิกษุผู้อาศัยโทมนัส
ที่เกิดขึ้นแล้วพิจารณาอยู่ว่า เราไม่ได้ปวารณาชนิดวิสุทธิปวารณาด้วยกันกับ
พวกเพื่อนพรหมจรรย์ ดังที่ว่ามานี้.
ในเรื่องของโทมนัสนั้นมีภิกษุรูปหนึ่งเริ่มตั้งวิปัสสนาในโทมนัสที่ยังมี
ความตรึกและยังมีความตรองมาใคร่ครวญว่า โทมนัสนี้อาศัยอะไร ก็รู้ชัดว่า
อาศัยวัตถุ จึงตั้งอยู่ในพระอรหัตผลโดยลำดับ โดยนัยที่กล่าวแล้วในหมวด
ธรรมที่มีผัสสะเป็นที่ห้านั่นแหละ. รูปหนึ่งเริ่มตั้งวิปัสสนาในโทมนัสที่ไม่มี
ความตรึกและไม่มีความตรอง ก็ตั้งอยู่ในพระอรหัตผล ตามนัยที่กล่าวมาแล้ว
เหมือนกัน.
แม้ในโทมนัสที่ตั้งมั่นแล้วเหล่านั้น โทมนัสที่ไม่มีความตรึกและไม่มี
ความตรองประณีตกว่าที่มีความตรึกและความตรอง วิปัสสนาในโทมนัส
ที่ไม่มีความตรึกและไม่มีความตรองก็ประณีตกว่าวิปัสสนาในโทมนัสที่มีความ
ตรึกและมีความตรองด้วย ผลสมาบัติในโทมนัสที่ไม่มีความตรึกและไม่มีความ
ตรองก็ประณีตกว่า แม้ผลสมาบัติในโทมนัสที่ยังมีความตรึกและยังมีความตรอง
นั่นเทียว. เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า เหล่าใด ที่ไม่มีความ
ตรึกและไม่มีความตรองประณีตกว่าดังนี้.
คำว่า ไม่พึงเสพอุเบกขาเห็นปานนั้น ความว่า ไม่พึงเสพอุเบกขา
ที่อาศัยเรือนเห็นปานนั้น. ที่ชื่อว่าอุเบกขาที่อาศัยเรือนได้แก่ อุเบกขาที่อาศัย
กามคุณ ซึ่งติด ข้อง เกิดขึ้นในกามคุณนั้นเอง เป็นไปล่วงรูปเป็นต้นไม่ได้
เหมือนแมลงวันตอมงบน้ำอ้อย ในอารมณ์ที่น่ารักที่มาสู่คลองในทวารทั้ง 6
อย่างนี้ คือ ในเวทนาเหล่านั้น อุเบกขาที่อาศัยเรือน 6 อย่างเป็นไฉน เพราะ
เห็นรูปด้วยตา อุเบกขาย่อมเกิดขึ้นแก่คนโง่ คนหลง คนมีกิเลสหนา คนเอา
แต่ชนะไม่มีขอบเขตไป เอาแต่ชนะไม่เป็นผล มีปกติไม่เห็นโทษ ไม่ได้รับการ