เมนู

ของโคปกเทพบุตรนั้น. ในเทพทั้งสามท่านนั้น สองท่านกลับได้ความระลึกถึง
ฌานที่ 1 เอาฌานเป็นบาทแล้วก็พิจารณาสังขาร ตั้งอยู่ในอนาคามิผลนั่นแล.
ทีนั้น อัตภาพชนิดท่องเที่ยวในกามซึ่งเป็นสภาพที่เล็กน้อยของพวกท่านเหล่านั้น
ทรงอยู่ไม่ไหว ฉะนั้นทันใดนั่นเอง ท่านก็เคลื่อนไปเกิดในชั้นพรหมปุโรหิต
และกายของพวกเขาที่อยู่ในชั้นพรหมปุโรหิตนั้น ก็เกิดแล้ว เพราะเหตุนั้น
ท้าวสักกะจึงตรัสว่า พระเจ้าข้า แห่งเทพบุตรเหล่านั้นผู้ที่โคปกเทพบุตรตักเตือน
แล้ว เทพสองท่านกลับได้สติในทันทีทันใดทีเดียว เข้าถึง หมู่พรหมปุโรหิต
แล้ว ดังนี้ .
ในคำเหล่านั้น คำว่า ในทันทีทันใด ทีเดียว คือ กลับได้สติ
ในอัตภาพนั้นเอง. พึงเห็นอธิบายในคำนั่นอย่างนี้ว่าก็ยังอยู่ในที่นั้นนั่นเอง.
เคลื่อนแล้วกลับได้กายเป็นพรหมปุโรหิต. คือสรีระเป็นพรหมปุโรหิต. คำว่า
แต่เทวบุตรท่านหนึ่ง คือ เทพบุตรท่านหนึ่ง ทำลายความติดใจยังไม่ได้
ก็อยู่ครองกาม คือ ยังอยู่ประจำ คือ ยังอาศัยอยู่ในกามาวจรภพนั่นเอง.
คำว่า และบำรุงสงฆ์ คือ บำรุงสงฆ์ด้วย คำว่า เป็นธรรมดี
คือ ด้วยความที่พระธรรมเป็นธรรมดี. คำว่า เข้าถึงไตรทิพ คือเกิดในไตรทิพ
ได้แก่ ไตรทศบุรี. คำว่า เข้าอาศัยอยู่ในหมู่นักดนตรี คือเป็นผู้เข้าอยู่
อาศัยในหมู่คนธรรพ์. คำว่า ก็พวกเราผู้ที่เมื่อก่อนเป็นมนุษย์ คือ เมื่อก่อน
นี้พวกเราผู้ที่เป็นมนุษย์. พึงประกอบกับคำนี้ว่า ข้าพเจ้าบำรุงด้วยข้าวนา แล้ว
ทราบใจความ. คำว่า ยังได้ชำระเท้า คือเข้าไปใกล้เท้าแล้วทั้งบูชาด้วยการ
เพิ่มการล้างเท้าและการทาเท้า ทั้งไหว้ที่เท้า. คำว่า ในนิเวศน์ของตน คือ
ในเรือนของตน. สำหรับบทนี้ ก็ต้องเอาไปเชื่อมกับบทว่า บำรุงแล้ว นี้
เหมือนกัน. คำว่า พึงรู้ในเฉพาะตัว คือ พึงรู้ได้ด้วยตัวเอง. คำว่า สุภาษิตทั้ง
หลายของพวกพระอริยะ
คือ สุภาษิตทั้งหลายของพระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า