เมนู

พวกนี้ เกิดเป็นบุตรที่บัลลังก์ของท้าวสักกะ จอมทวยเทพผู้เป็นเจ้าแห่งเทวโลก
พวกนี้เกิดในหมู่คนธรรพ์ที่เลว ขึ้นชื่อว่าพวกคนธรรพ์นั่น ใคร ๆ เขาก็เจอ
แต่เป็นพวกบุคคลที่เอากระดูกมาเจาะ (คล้องคอ) เต้นกันไปเต้นกันมาเท่านั้นเอง
จึงเตือนด้วยคำ เป็นต้นว่า ชื่อว่าเอาหน้าไปไว้ไหน. ในบทเหล่านั้น คำว่า เอา
หน้าไปไว้ไหน
ความว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหันพระพักตร์มาแสดง
ธรรมอยู่ พวกท่านมัวเอาหน้าไปไว้ไหน หรือ มัวแต่ส่งใจไปที่อื่น มองนั่น
มองนี่ หรือมัวแต่หลับอยู่. คำว่า รูปที่ไม่น่าดูเสียเลย คือไม่เหมาะที่จะเห็น
สภาพที่ไม่น่าดู. คำว่า พวกสหธัมมิก คือ ผู้ประพฤติธรรม ได้แก่ ทำบุญ
ในศาสนา ของพระศาสดาองค์เดียวกัน.
คำว่า แห่งเทพบุตรเหล่านั้น พระเจ้าข้า ความว่า แห่งเทพบุตร
เหล่านั้น ผู้ที่ถูกโคปกเทพบุตรกล่าวอย่างนั้นแล้ว ตักเตือนอีกด้วยคำเป็นต้นว่า
โอ้ ! พวกท่าน ช่างไร้ยางอาย ช่างไม่มีความขายหน้า เทพสองท่านกลับได้
สติในทันทีทันใดทีเดียว. คำว่า หมู่พรหมปุโรหิต คือได้ยินว่า เทพบุตร
เหล่านั้นพากันคิดว่า ขึ้นชื่อว่าพวกนักฟ้อน ที่ฟ้อนรำ ขับร้อง ดีดสีตีเป่า
มาแล้ว ก็ต้องได้ค่าจ้างรางวัล ส่วนโคปกเทพบุตรนี้ ตั้งแต่เวลาที่เราเห็น เอา
แต่ปะทุเปรี๊ยะ ๆ เหมือนเอาเกลือโรยใส่เตาไฟ นี้มันอะไรกันหนอ เมื่อใคร่ครวญ
ต่อไป ก็เห็นว่าตนเป็นสมณะ มีศีลบริสุทธิ์ ได้ฌานและก็เป็นผู้รับบาตร
ประจำตระกูลของโคปกเทพบุตรนั้นเสียด้วย แล้วมาทราบว่า ธรรมดาผู้มีศีล
บริสุทธิ์ ย่อมเลือกเกิดในเทวโลกทั้ง 6 ชั้นได้ ผู้ได้ฌานก็ย่อมเกิดในพรหมโลก
(แต่) พวกเรา ทั้งในเทวโลกชั้นสูง ทั้งในพรหม หาได้เกิดได้ไม่ โคปก
เทพบุตรนี้ เคยเป็นสตรีตั้งอยู่ในโอวาทของพวกเรา ยังได้เกิดสูง พวกเราเป็น
ภิกษุประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เกิดในพวกคนธรรพ์ที่เลว
เหตุนั้น โคปกเทพบุตรนี้ จึงข่มพวกเราอย่างนี้ได้ จึงต่างก็ยอมฟังถ้อยคำ