เมนู

ทราบว่า พระญาณของท้าวสักกะนั่นเองยังไม่แก่กล้า จึงไม่ทรงประทาน
พระโอกาส เลยประทับนั่งด้วยธรรมเครื่องพักคือผลสมาบัติเสีย ท้าวเธอ
ไม่ทรงทราบถึงข้อนั้น จึงตรัสว่า ด้วยสมาธิอันใดอันหนึ่ง ดังนี้. คำว่า
ชื่อ ภุชคี คือเทพธิดานั้น ชื่อว่า ภุชคี. คำว่า บริจาริกา คือ เทพธิดา
ผู้เป็นบาทบริจาริกา. มีเรื่องเล่ามาว่า นางบรรลุผลสองอย่าง เหตุนั้น นาง
จึงไม่มีความยินดีในเทวโลกเลย นางมาสู่ที่บำรุงพระผู้มีพระภาคเจ้าเสมอ ยืน
ยกกระพุ่มมือวางไว้บนเศียรไหว้พระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่.
ในคำว่า ออกจากสมาธินั้นเพราะเสียงล้อและดุมรถ นี้ ไม่ต้องพูดว่า
ทรงเข้าสมาบัติแล้วทรงได้ยินเสียง. ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ยังตรัสกับ
ท้าวสักกะ ผู้จอมทวยเทพว่า อีกประการหนึ่ง อาตมภาพออกจากสมาธินั้น
ก็เพราะเสียงล้อและดุมรถของมหาบพิตร มิใช่หรือ. ตอบว่า เสียงดุมรถยกไว้
เถิด ธรรมดาผู้เข้าสมาบัติ ในภายในสมาบัติ ต่อให้ใครเอาคู่สังข์มาเป่าใส่
ใกล้ ๆ กกหูก็ดีฟ้าผ่าเปรี้ยงก็ดี ก็ย่อมไม่ได้ยินเสียง. ส่วนพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงกำหนดว่า ตลอดเวลาเท่านี้ เราจะยังไม่ให้โอกาสแก่ท้าวสักกะ จึงทรง
เข้าผลสมาบัติด้วยอำนาจเวลา. ท้าวสักกะทรงคิดว่า บัดนี้ พระศาสดายังไม่
ประทานโอกาสแก่เรา จึงทรงทำประทักษิณพระคันธกุฎี แล้วให้กลับรถบ่าย
พระพักตร์สู่เทวโลก. บริเวณพระคันธกุฎี ก็มีสนั่นเพราะเสียงรถ เหมือนดนตรี
มีองค์ห้า. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสมาบัติตามอำนาจเวลาที่ได้ทรง
กำหนดไว้แล้ว จิตที่ทำหน้าที่พิจารณาอารมณ์ดวงแรกก็เกิดขึ้น ฉะนั้น พระ-
องค์จึงตรัสอย่างนั้น.
คำว่า ทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลายเป็นปกติ คือ เป็นผู้มีปกติ
ทำให้บริบูรณ์ในศีล 5 ข้อ. คำว่า คลายจิตในความเป็นสตรี คือมาคิดว่า
พอกันทีสำหรับความเป็นสตรี เพราะว่าดำรงอยู่ในความเป็นสตรีแล้ว จะเสวย

สิริของพระเจ้าจักรพรรดิก็ไม่ได้ เสวยสิริของพระอินทร์ มาร และ พรหม
ก็ไม่ได้ จะบรรลุปัจเจกโพธิญาณก็ไม่ได้ จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณก็ไม่ได้
อย่างนี้แล้ว ชื่อว่าย่อมสำรอกความใคร่ในความเป็นสตรี ส่วนผู้ที่คิดว่า ธรรมดา
ความเป็นบุรุษนี้ยิ่งใหญ่ประเสริฐสูงสุด เพราะผู้ดำรงอยู่ในความเป็นบุรุษนี้
สามารถถึงพร้อมซึ่งสมบัติเหล่านี้ อย่างนี้แล้ว ชื่อว่าย่อมทำความเป็นบุรุษให้มี
แม้นางก็ได้ทำอย่างนั้น เพราะฉะนั้น จึงกล่าวว่า สำรอกความใคร่จิตในความ
เป็นสตรีแล้ว ทำจิตบุรุษให้มีดั่งนี้. คำว่า กายคนธรรพ์เลว คือ พวกคน-
ธรรพ์เลว คือ ลามก. ถามว่าก็พวกเธอเหล่านั้นล้วนแต่มีศีลบริสุทธิ์ ทำไม
จึงเกิดขึ้นในเทวโลกนั้นเล่า. ตอบว่า เพราะความพอใจมาก่อน. เล่ามาว่า แต่
ก่อนมาที่นั่นแหละเป็นที่ที่เคยอยู่มาแล้วของพวกนั้น เพราะฉะนั้น จึงเกิดขึ้น
ในที่นั้น ด้วยสามารถแห่งความพอใจ. คำว่า ที่บำรุง ได้แก่ โรงสำหรับบำรุง.
คำว่า บำเรอ ได้แก่การปรนเปรอ. คนธรรพ์เหล่านั้นย่อมมา ด้วยคิดว่า
พวกเราจะบำเรอด้วยการขับ และ การบรรเลง.
คำว่า ตักเตือน คือให้สติ. เล่ากันมาว่า เมื่อโคปกเทพบุตรเห็น
คนธรรพ์เหล่านั้นจึงใคร่ครวญว่า เทวบุตรเหล่านี้มีรัศมีเหลือเกิน ทำกรรม
อะไรไว้หนอจึงได้มา ได้เห็นว่า เป็นพวกภิกษุ จากนั้นก็ใคร่ครวญอีกว่า
พวกภิกษุ มีปกติทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย หรือไม่ ได้เห็นว่า มีปกติ
ทำให้บริบูรณ์ ใคร่ครวญต่อไปว่า มีปกติทำให้บริบูรณ์ก็เถอะ คุณพิเศษ
อย่างอื่นมีหรือไม่มี ได้เห็นว่าเป็นพวกมีปกติได้ฌาน ใคร่ครวญต่อไปอีกว่า
ถึงมีปกติได้ฌานก็ช่างเถอะ. เป็นชาวไหนกัน ได้เห็นว่า เป็นผู้มารับบาตรประจำ
ตระกูลของเรานั่นเอง จึงคิดว่า ธรรมดาผู้มีศีลบริสุทธิ์ย่อมเกิดในเทวโลกหกชั้น
ในชั้นที่ต้องการ แต่พวกนี้ไม่เกิดในเทวโลกชั้นสูง ธรรมดาผู้ได้ฌานย่อมเกิด
ในพรหมโลก แต่พวกนี้ไม่เกิดในพรหมโลก ส่วนตัวเราตั้งอยู่ในโอวาทของ