เมนู

มนุษย์ อสูร นาค คนธรรพ์ และหมู่สัตว์เหล่าอื่นเป็นอันมากเป็นผู้ใคร่ต่อ
ความสุข ก็จงมีความสุขเช่นกัน.
[251] ก็แหละพระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสรับรองเทวดาผู้มีศักดา
ใหญ่เห็นปานนี้ ด้วยอาการอย่างนี้. ท้าวสักกะจอมเทพ อันพระคถาคตเจ้า
ตรัสรับรองแล้ว เสด็จเข้าไปสู่ถ้ำอินทสาล ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วได้ประทับยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ถึงหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ ทั้งปัญจสิข
คนธรรพเทพบุตร ก็เข้าไปถวายอภิวาทแล้วยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ดุจกัน.
ก็แหละโดยสมัยนั้น ถ้ำอินทสาลเป็นสถานอันไม่สม่ำเสมอ ได้ถึงความสม่ำเสมอ
เคยคับแคบ ได้ถึงความกว้างขวาง ความมืดในถ้ำได้หายไป ความสว่างไสว
บังเกิดขึ้นแทน เพราะเทวานุภาพ.
[252] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสกะท้าวสักกะจอมเทพ
ว่า การที่ท้าวโกสีย์ผู้มีกิจมาก มีกรณียะมาก เสด็จมา ณ ถ้ำนี้น่าอัศจรรย์
ยังไม่เคยมีแล้วมามีขึ้น. ท้าวสักกะทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
หลีกไปเสียนาน ตั้งใจจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าอยู่ แต่ข้าพระองค์ยุ่งด้วยกิจ
และกรณียะบางอย่าง ของหมู่เทพชั้นดาวดึงส์ จึงไม่อาจจะเข้าเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าได้. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ
ที่สลฬคันธกุฎี ใกล้กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ข้าพระองค์ได้ไปเฝ้า แต่พระผู้มี
พระภาคเจ้าประทับนั่งเข้าสมาธิอันใดอันหนึ่งเสีย นางภุชคีเทพธิดาบริจาริกา
ของท้าวเวสวัณมหาราช เป็นผู้อุปัฏฐากพระผู้มีพระภาคเจ้า ยืนประคอง
อัญชลีนมัสการอยู่ ข้าพระองค์ได้กล่าวกะนางว่า ดูก่อนน้องหญิง เธอจง
อภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแทนเรา กราบทูลว่า ท้าวสักกะจอมเทพพร้อมด้วย
อำมาตย์และบริวาร ขอถวายบังคมบาทพระยุคลด้วยเศียรเกล้า. เมื่อข้าพระองค์
กล่าวแล้วอย่างนี้ นางได้บอกแก่ข้าพระองค์ว่า บัดนี้มิใช่กาลจะเฝ้า เพราะ

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกำลังหลีกเร้นอยู่ ข้าพระองค์กล่าวว่า ถ้ากระนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากสมาธินั้นแล้วในกาลใด ในกาลนั้น เธอจง
ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าตามคำของเราเถิด. นางได้ถวายอภิวาทพระผู้มี
พระภาคเจ้าแทนข้าพระองค์บ้างหรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงระลึกถึงคำของ
นางได้อยู่หรือ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ขอถวายพระพร นางได้ไหว้อาตมา อาตมาภาพยังระลึกถึงคำของ
นางได้อยู่ อีกประการหนึ่ง อาตมาภาพออกจากสมาธินั้น เพราะเสียงแห่งล้อ
และดุมรถของมหาบพิตร.

เรื่องศากยธิดาโคปิกา



ส. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับถ้อยคำเฉพาะหน้าแห่ง
หมู่เทพซึ่งอุบัติในดาวดึงส์มาก่อนว่า ในกาลใด พระตถาคตอรหันตสัมมา-
สัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก ในกาลนั้นหมู่เทพเทวดาย่อมเต็มบริบูรณ์ หมู่อสูร
ย่อมเสื่อมไป ข้อนี้นั้น ข้าพระองค์ได้เห็นเป็นพยานแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ศักยธิดา นามว่าโคปิกา ในกรุงกบิลพัสดุ์นี้เอง ได้เป็นผู้เลื่อมใสแล้วในพระ
พุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้บริบูรณ์ในศีลเป็นปกติ นางเบื่อหน่าย
สตรีเพศ ปรารถนาบุรุษเพศเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติ
โลกสวรรค์ เป็นพวกกับทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ถึงความเป็นบุตรของข้าพระองค์
แม้ทวยเทพในดาวดึงส์นั้น ย่อมรู้จักเธออย่างนี้ว่า โคปกเทพบุตร ๆ ดั่งนี้.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุ 3 รูป แม้อื่น ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มี
พระภาคเจ้า เข้าถึงหมู่คนธรรพ์ชั้นต่ำ เธอเหล่านั้นเพรียบพร้อมบำเรออยู่ด้วย
กามคุณ 5 มาสู่ที่บำรุงบำเรอของข้าพระองค์. โคปกเทพบุตรได้ตักเตือนพวก
เธอว่า ท่านผู้นิรทุกข์พวกท่านได้รวบรวมธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้แล้ว