เมนู

เวทิยกะได้ปรากฏสว่างรุ่งโรจน์นัก และบ้านของพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์ ก็ได้
สว่างไสวเหมือนกัน เพราะเทวานุภาพ. หมู่มนุษย์ในบ้านโดยรอบได้กล่าวว่า
วันนี้ภูเขาเวทิยกะได้ลุกโพลงสว่างไสวรุ่งโรจน์แล้ว ทำไมวันนี้ภูเขาเวทิยกะ
และบ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์จึงสว่างไสวนัก. ต่างพากันตกใจมีขนลุกชันแล้ว
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ตรัสเรียกปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรว่า พ่อ
ปัญจสิขะ ตถาคตผู้มีฌานทรงยินดีในฌาน บัดนี้ ทรงเร้นอยู่ คนเช่นเราเข้า
เฝ้าได้ยากนัก ก็ถ้าเธอทำให้พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดก่อนแล้ว พวกเราจะเข้า
เฝ้าในภายหลัง ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร ได้รับสนองเทวโองการแล้ว ถือ
พิณเข้าไปทางถ้ำอินทสาล แล้วยืน ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง รำพึงว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าประทับอยู่ไม่ไกลนักไม่ใกล้นักเพียงแค่นี้ คงจักทรงได้ยินเสียง
ของเรา. จึงยกพิณขึ้นบรรเลงและได้กล่าวคาถาที่เนื่องด้วยพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระอรหันตคุณและเกี่ยวไปในทางกามเหล่านี้ว่า
[248] ดูก่อนน้องสุริยวัจฉสา พี่ขอ
ไหว้ท้าวติมพร ผู้เป็นบิดาให้กำเนิดน้อง
ผู้เป็นเทพกัลยาณี ยังความยินดีให้เกิดแก่
พี่ น้องผู้มีรัศมีอันเปล่งปลั่ง เป็นที่รักของ
พี่ ดุจลมเป็นที่ใคร่ของผู้มีเหงื่อ ดุจน้ำเป็น
ที่ปรารถนาของคนผู้กระหาย ดุจธรรม
เป็นที่รักของพระอรหันต์ทั้งหลาย ดุจยา
เป็นที่รักของคนไข้หนัก ดุจโภชนะเป็นที่
รักของคนหิว ฉะนั้น.
ขอแม่จงช่วยดับความกลัดกลุ้มของพี่
ดุจเอาวารีดับไฟที่กำลังโพลงฉะนั้น. เมื่อ

ไรหนอพี่จักได้หยั่งลงสู่ระหว่างถันยุคล
และอุทรประเทศของน้อง ดุจช้างสารที่ถูก
แดดแผดเผาในฤดูร้อน หยั่งลงสู่สระโบก
ขรณีมีน้ำอันเย็น ประกอบด้วยเกสร
ละอองดอกปทุมฉะนั้น . พี่หลงใหลในนิ่ม
น้องผู้มีขางาม จึงไม่รู้จักเหตุการณ์ ประดุจ
ช้างสารที่เหลือขอเข้าใจว่า ตนชนะขอและ
หอกแล้ว แม้ถูกแทงอยู่ก็ไม่รู้สึก ฉะนั้น.
พี่มีจิตปฏิพัทธ์ในน้อง ไม่อาจจะกลับจิตที่
ปรวนแปรแล้วได้ ดุจปลาที่กลืนเบ็ด
ฉะนั้น.
เชิญน้องผู้เป็นเทพกัลยาณี มีลำขาอัน
งาม มีนัยน์ตาอันชมดชม้อย จงสวมกอด
คลึงเคล้าพี่ พี่ปรารถนาดั่งนี้ยิ่งนัก ส่วน
ความรักของพี่มีไม่น้อย ดุจทักษิณาอัน
บุคคลถวายแล้วในพระอรหันต์ ฉะนั้น.
แน่ะ น้องผู้งามทั่วสรรพางค์ บุญพี่ที่ทำ
ไว้ในพระอรหันต์ทั้งหลาย บุญนั้นพึง
อำนวยผลให้พี่กับน้องได้ร่วมรักกัน. บุญ
ที่พี่ได้ก่อสร้างไว้ในปฐพีมณฑลนี้ จง
อำนวยผลให้พี่กับน้องได้ร่วมรักกัน.
แน่ะ น้องสุริยวัจฉสา พี่เสาะหาน้อง
ดุจพระสักยบุตรพุทธมุนีมีพระสติปัญญา

เข้าฌานอยู่โดดเดี่ยว แสวงหาอมตธรรม
ฉะนั้น. พระพุทธมุนีทรงบรรลุสัมโพธิ-
ญาณอันอุดมแล้ว พึงทรงเพลิดเพลินฉันใด
พี่ถึงความคลอเคลียกับน้องแล้ว จึงเพลิด
เพลินฉันนั้น. ถ้าท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่
แห่งทวยเทพชั้นดาวดึงส์ พึงประทานพร
แก่พี่ไซร้ น่อง พี่ขอเลือกน้อง (ทันที )
ความรักของพี่มั่นคงอย่างนี้ แน่ะ น้องผู้มี
ปรีชาดี น้องมีความงามเช่นนี้ เป็นธิดา
ของท่านผู้ใด พี่ขอนอบน้อมกราบไหว้
ท่านผู้นั้น ผู้ประหนึ่งว่าไม้รังซึ่งผลิตดอก
ออกผลยังไม่นานคือบิดาของน้อง ดังนี้

[249] เมื่อปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร กล่าวอย่างนี้แล้ว พระผู้มี
พระภาคเจ้าได้ตรัสกะเธอว่า ปัญจสิขะ เสียงพิณของท่าน ย่อมกลมกลืนกับ
เสียงเพลงขับ และเสียงเพลงก็กลมกลืนกับเสียงพิณ อนึ่ง เสียงพิณและเสียง
เพลงขับของท่านพอเหมาะกัน ปัญจสิขะ ก็คาถาเหล่านี้ ท่านร้อยกรองไว้แต่
ครั้งไร ? ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับ
อยู่ ณ อชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ. สมัยนั้นแล
ข้าพระองค์ย่อมมุ่งหวังนางสุริยวัจฉสา ซึ่งเป็นธิดาของท้าวคนธรรพราช ชื่อ
ติมพรุ ก็แต่นางรักผู้อื่นอยู่ นางมุ่งหวังบุตรแห่งมาตลีเทพสารถี ชื่อสิขัณฑิ
เมื่อข้าพระองค์ไม่ได้นางโดยปริยายอะไร ๆ จึงได้ถือพิณเข้าไปถึงที่อยู่แห่ง
ท้าวคนธรรพราชนั้นแล้ว ได้บรรเลงพิณและกล่าวคาถาเหล่านี้ว่า

ดูก่อน น้องสุริยวัจฉสา พี่ขอไหว้
ท้าวติมพรุผู้เป็นบิดาให้กำเนิดน้อง ผู้เป็น
เทพกัลยาณี ยังความยินดีให้เกิดแก่พี่ ฯลฯ
แน่ะ น้องผู้มีปรีชาดี น้องมีความงาม
เช่นนี้ เป็นธิดาของท่านผู้ใด พี่ขอนอบ-
น้อมกราบไหว้ท่านผู้นั้น ผู้ประหนึ่งว่า
ไม้รังซึ่งผลิตดอกออกผลยังไม่นาน คือ
บิดาของน้อง ดังนี้.

[250] ครั้นข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้แล้ว นางได้กล่าวกะข้าพระองค์
ว่า ท่านผู้นิรทุกข์ ฉันไม่ได้เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าเฉพาะพระพักตร์เลย ก็แต่
ว่าเมื่อฉันฟ้อนอยู่ในเทวสภา ชื่อสุธรรมา ได้สดับ (พระนาม) พระผู้มี
พระภาคเจ้าแล้ว ผู้นิรทุกข์ท่านยอพระเกียรติพระผู้มีพระภาคเจ้าเพราะเหตุใด
เล่า ? วันนี้ เราเลิกพบปะกันเสียเถิด ดั่งนี้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
ได้สมาคมกับน้องหญิงนั้น เท่านั้น ภายหลังแต่นั้นก็ไม่ได้พูดกันอีก.
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะผู้จอมเทพได้ทรงปริวิตกว่า ปัญจสิขคนธรรพ
เทพบุตร และพระผู้มีพระภาคเจ้าได้สนทนากันอย่างเพลิดเพลิน จึงทรงเรียก
ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรมาตรัสว่า พ่อปัญจสิขะ ท่านจง ถวายอภิวาทพระผู้มี
พระภาคเจ้าแทนเราแล้วทูลว่า ท้าวสักกะจอมเทพพร้อมด้วยอำมาตย์และบริวาร
ขอถวายบังคมพระบาทยุคล ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า. ปัญสิข
คนธรรพเทพบุตรรับสนองเทวโองการแล้ว ได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า
แทนตามเทพบัญชาแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ปัญจสิขะ ขอท้าวสักกะ
จอมเทพพร้อมอำมาตย์และบริวาร จงทรงพระสำราญตามประสงค์ อนึ่ง เทพดา