เมนู

สำเร็จอนาคามิผล กระมัง ?
ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ
เห็นจะสำเร็จสกทาคามิผล กระมัง
ไม่หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ
เขาว่า พวกเทวดาที่สำเร็จมรรคสามนับไม่ไค้ แล้วคุณล่ะ เห็นจะเป็น
พระโสดาบันกระมัง ?
ในวันนั้น เทพธิดาสำเร็จโสดาปัตติผล รู้สึกอาย จึงพูดว่า พระ-
คุณเจ้าถามสิ่งไม่น่าถาม (ถามซอกถามแทรก) ลำดับนั้น ภิกษุนั้น จึงกล่าว
กะนางว่า เทวดา ! คุณจะแสดงกายให้อาตมาเห็นได้ไหม ?
จะแสดงหมดทั้งตัวไม่ได้หรอกค่ะ ท่านผู้เจริญ ! ดิฉันจะแสดงแก่
พระคุณเจ้าแค่ข้อนิ้วมือ.
ว่าแล้วก็เอานิ้วมือสอดหันหน้าเข้าภายในถ้ำตามรูกุญแจ. นิ้วมือก็เป็น
เหมือนเวลาพระจันทร์พระอาทิตย์ขึ้นเป็นพัน ๆ ดวง เทพธิดากล่าวว่า จงอย่า
ประมาทนะ ท่านเจ้าค่ะ ! แล้วไหว้ภิกษุหนุ่มกลับไป. สูตรนี้ เป็นที่รักที่ชอบใจ
ของเทวดาทั้งหลายอย่างนี้ เทวดาทั้งหลายย่อมถือว่า พระสูตรนั้นเป็นของเรา
ด้วยประการฉะนี้.
จบ อรรถกถามหาสมัยสูตรที่ 7

8. สักกปัญหสูตร



เรื่อง ท้าวสักกะกับปัญจสิขคนธรรพบุตร



[247] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับที่ถ้ำอินทสาลระหว่างเขาเวทิยกะ
ด้านเหนือแห่งบ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์ ข้างทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์
ในแคว้นมคธ.
สมัยนั้น ท้าวสักกะผู้จอมเทพมีพระประสงค์จะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงทรงพระรำพึงว่า บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ
อยู่ที่ไหนหนอ ครั้นทรงเห็นแล้วได้ตรัสเรียกหมู่เทพชั้นดาวดึงส์มา ตรัสว่า
ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่ถ้ำอินทสาลระหว่างเขา
เวทิยกะ ด้านเหนือแห่งบ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์ ข้างทิศตะวันออกแห่ง
กรุงราชคฤห์ ในแคว้นมคธ ถ้ากระไร เราพึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น. หมู่เทพชั้นดาวดึงส์ได้รับสนองเทว-
โองการแล้ว จึงท้าวเธอตรัสเรียกปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรมาแล้วรับสั่งเหมือน
อย่างนั้น ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรรับสนองเทวโองการแล้วได้ถือพิณสีเหลือง
ดุจผลมะตูม ตามเสด็จท้าวสักกะผู้จอมเทพไปด้วย. ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะ
จอมเทพอันเทพชั้นดาวดึงส์แวดล้อมแล้ว มีปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรนำเสด็จ
ได้อันตรธานจากดาวดึงส์เทวโลกไปปรากฏที่ภูเขาเวทิยกะ ด้านเหนือแห่งบ้าน
พราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์ ข้างทิศตะวันออกแห่งกรุงราชคฤห์ในแคว้นมคธ
เหมือนบุรุษมีกำลัง เหยียดแขนออกหรือคู้แขนเข้าฉะนั้น. สมัยนั้น ภูเขา

เวทิยกะได้ปรากฏสว่างรุ่งโรจน์นัก และบ้านของพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์ ก็ได้
สว่างไสวเหมือนกัน เพราะเทวานุภาพ. หมู่มนุษย์ในบ้านโดยรอบได้กล่าวว่า
วันนี้ภูเขาเวทิยกะได้ลุกโพลงสว่างไสวรุ่งโรจน์แล้ว ทำไมวันนี้ภูเขาเวทิยกะ
และบ้านพราหมณ์ชื่ออัมพสณฑ์จึงสว่างไสวนัก. ต่างพากันตกใจมีขนลุกชันแล้ว
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะผู้จอมเทพ ตรัสเรียกปัญจสิขคนธรรพเทพบุตรว่า พ่อ
ปัญจสิขะ ตถาคตผู้มีฌานทรงยินดีในฌาน บัดนี้ ทรงเร้นอยู่ คนเช่นเราเข้า
เฝ้าได้ยากนัก ก็ถ้าเธอทำให้พระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดก่อนแล้ว พวกเราจะเข้า
เฝ้าในภายหลัง ปัญจสิขคนธรรพเทพบุตร ได้รับสนองเทวโองการแล้ว ถือ
พิณเข้าไปทางถ้ำอินทสาล แล้วยืน ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง รำพึงว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าประทับอยู่ไม่ไกลนักไม่ใกล้นักเพียงแค่นี้ คงจักทรงได้ยินเสียง
ของเรา. จึงยกพิณขึ้นบรรเลงและได้กล่าวคาถาที่เนื่องด้วยพระพุทธคุณ
พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระอรหันตคุณและเกี่ยวไปในทางกามเหล่านี้ว่า
[248] ดูก่อนน้องสุริยวัจฉสา พี่ขอ
ไหว้ท้าวติมพร ผู้เป็นบิดาให้กำเนิดน้อง
ผู้เป็นเทพกัลยาณี ยังความยินดีให้เกิดแก่
พี่ น้องผู้มีรัศมีอันเปล่งปลั่ง เป็นที่รักของ
พี่ ดุจลมเป็นที่ใคร่ของผู้มีเหงื่อ ดุจน้ำเป็น
ที่ปรารถนาของคนผู้กระหาย ดุจธรรม
เป็นที่รักของพระอรหันต์ทั้งหลาย ดุจยา
เป็นที่รักของคนไข้หนัก ดุจโภชนะเป็นที่
รักของคนหิว ฉะนั้น.
ขอแม่จงช่วยดับความกลัดกลุ้มของพี่
ดุจเอาวารีดับไฟที่กำลังโพลงฉะนั้น. เมื่อ