เมนู

ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อ
ภิกษุพิจารณากายในกาย เป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดย
ชอบในกายานุปัสสนานั้น. เธอตั้งจิตไว้โดยชอบในกายานุปัสสนานั้นแล้ว ยัง
ญาณทัสสนะให้เกิดในกายอื่นในภายนอก. ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนา
เป็นภายในมีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่
เมื่อภิกษุพิจารณาเวทนาในเวทนาเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใส
โดยชอบในเวทนานุปัสสนานั้น เธอตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบในเวทนา
นุปัสสนานั้นแล้ว ยังญาณทัสสนะให้เกิดในเวทนาอื่นภายนอก ภิกษุพิจารณาจิต
ในจิตเป็นภายใน มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกอยู่ เมื่อภิกษุพิจารณาจิตในจิตเป็นภายในอยู่ ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ย่อม
ผ่องใสโดยชอบในจิตตานุปัสสนานั้น. เธอตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบ
ในจิตตานุปัสสนานั้นแล้ว ยังญาณทัสสนะให้เกิดในจิตอื่นในภายนอก. ภิกษุ
พิจารณาธรรมในธรรมเป็นภายใน มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัด
อภิชฌาและโทมนัสในโลกอยู่ เมื่อภิกษุพิจารณาธรรมในธรรมเป็นภายในอยู่
ย่อมตั้งจิตไว้โดยชอบ ผ่องใสโดยชอบในธัมมานุปัสสนานั้น. เธอตั้งจิตไว้โดย
ชอบ ผ่องใสโดยชอบในธัมมานุปัสสนานั้นแล้ว ยังญาณทัสสนะให้เกิดใน
ธรรมอื่นในภายนอก. สติปัฏฐาน 4 อย่างนี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้
ผู้เห็น เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงบัญญัติแล้ว เพื่อบรรลุคุณ

ว่าด้วยบริขารแห่งสมาธิ



[206] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหม ได้กล่าวเนื้อความ
นี้แล้ว ได้เรียกเทวดาชั้นดาวดึงส์มากล่าวว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย เทวดา
ชั้วดาวดึงส์จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บริขารแห่งสมาธิ 7 ประการนี้ อัน

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทรงบัญญัติแล้ว เพื่อความเจริญแห่งสัมมาสมาธิเพื่อความบริบูรณ์แห่งสัมมา
สมาธิ บริขารแห่งสมาธิ 7 ประการเป็นไฉน คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ. ความที่
จิตมั่นแวดล้อมด้วยองค์ 7 นี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิอันเป็นอริยะ มีอุปนิสัย
ดังนี้บ้าง มีบริขารดังนี้บ้าง สัมมาสังกัปปะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาทิฏฐิ
สัมมาวาจาย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสังกัปปะ สัมมากัมมันตะย่อมเพียงพอ
แก่บุคคลผู้มีสัมมาวาจา สัมมาอาชีวะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมากัมมันตะ
สัมมาวายามะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาอาชีวะ สัมมาสติย่อมเพียงพอ
แก่บุคคลผู้มีสัมมาวายามะ สัมมาสมาธิ ย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสัมมาสติ
สัมมาญาณะย่อมเพียงพอแก่บุคคลผู้มีสมาธิ สัมมาวิมุตติ ย่อมเพียงพอแก่บุคคล
ผู้มีสัมมาญาณะ ก็บุคคลเมื่อกล่าวโดยชอบถึงความข้อนั้น พึงกล่าวว่า
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบ
ด้วยกาลควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน
เพราะฉะนั้น ประตูแห่งพระนิพพานเปิดเพื่อท่านแล้ว. บุคคลเมื่อกล่าว
โดยชอบถึงความนี้เทียวกะบุคคลนั้นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้น
ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พึงกล่าวว่า ก็พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสดีแล้ว อันบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อม
เข้ามา. อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ประตุแห่งพระนิพพานเปิดเพื่อท่านแล้ว.
ก็ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระ-
พุทธเจ้า ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระธรรม ประกอบ
ด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นในพระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลทั้งหลายที่พระ
อริยเจ้าชอบใจ. ชนเหล่านี้เป็นโอปปาติกะ นำมาแล้วในพระธรรม ชนผู้บำรุง

ชาวมคธเกินสองล้านสี่แสนคน ทำกาละล่วงไปนานแล้วเป็นพระโสดาบัน
เพราะสิ้นสังโยชน์ 3 อย่าง มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะ
ตรัสรู้ในเบื้องหน้า. ข้าพเจ้ากลัวการพูดเท็จ จึงไม่อาจคำนวณได้ว่าในชน
เหล่านี้ มีพระสกทาคามีเท่าไร และหมู่สัตว์นอกนี้บังเกิดด้วยส่วนบุญ.

ปริวิตกของท้าวเวสวัณมหาราช



[207] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้
แล้ว. เมื่อสนังกุมารพรหมกล่าวเนื้อความนี้อยู่ ท้าวเวสวัณมหาราชเกิดความ
ดำริแห่งใจอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้เจริญ น่าอัศจรรย์หนอ ไม่เคยมีมาหนอ
จักมีพระศาสดาผู้ยิ่งเห็นปานนี้ จักมีการแสดงธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้ จักปรากฏ
การบรรลุคุณวิเศษที่ยิ่งเห็นปานนี้. ครั้งนั้น สนังกุมารพรหมได้ทราบความ
ดำริในใจของท้าวเวสวัณมหาราชด้วยใจแล้ว ได้กล่าวกะท้าวเวสวัณมหาราช
ดังนี้ว่า ท่านเวสวัณมหาราชจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ในอดีตกาล ก็ได้มี
พระศาสดาผู้ยิ่งเห็นปานนี้ ได้มีการแสดงธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้ ได้ปรากฏการ
บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่งเห็นปานนี้ แม้ในอนาคตกาล ก็จักมีพระศาสดาผู้ยิ่งเห็น
ปานนี้จักมีการแสดงธรรมที่ยิ่งเห็นปานนี้ จักปรากฏการบรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง
เห็นปานนี้.
[208] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหม ได้กล่าวเนื้อความนี้
แก่ทวยเทพชั้นดาวดึงส์แล้ว. ท้าวเวสวัณมหาราชได้บอกเนื้อความนี้ที่ได้สดับ
ต่อหน้า ได้รับต่อหน้าสนังกุมารพรหมผู้กล่าวแก่ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ในบริษัท
ของตน. ชนวสภยักษ์กราบทูลความนี้ที่ได้สดับต่อหน้า ที่ได้รับต่อหน้าท้าว
เวสวัณมหาราชผู้กล่าวในบริษัทของตนแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาค
เจ้าทรงสดับต่อหน้า ทรงรับต่อหน้าชนวสภยักษ์และทรงทราบได้เองได้ตรัส