เมนู

ครองราชสมบัติใหม่ ย่อมทรงได้ความยินดีอย่างยิ่ง ย่อมทรงได้ความโสมนัส
อย่างยิ่ง แม้ฉันใด สนังกุมารพรหม นั่งบนบัลลังก์ของเทพองค์ใด เทพ
องค์นั้นย่อมได้ความยินดีอย่างยิ่ง ย่อมได้ความโสมนัสอย่างยิ่ง ฉันนั้นเหมือนกัน
ในเวลานั้น สนังกุมารพรหมนิรมิตอัตภาพใหญ่ยิ่ง เป็นเพศกุมารเช่นกับปัญจ-
สิขเทพบุตรปรากฏแก่เทวดาชั้นดาวดึงส์ เธอเหาะขึ้นเวหาสนั่งขัดสมาธิในอากาศ
ที่ว่างเปล่า. บุรุษผู้มีกำลังนั่งขัดสมาธิบนบัลลังก์ที่ปูลาดดี หรือ บนภูมิภาค
ราบเรียบแม้ฉันใด สนังกุมารพรหมก็ฉันนั้นเหมือนกัน เหาะขึ้นเวหาสนั่งขัด
สมาธิในอากาศที่ว่างเปล่า ทราบความเบิกบานใจของเทวดาชั้นดาวดึงส์แล้ว
บันเทิง ด้วยคาถาเหล่านี้ ความว่า

คาถาอนุโมทนา



[197] ดูก่อนผู้เจริญทั้งหลาย ทวยเทพชั้นดาว
ดึงส์พร้อมกับพระอินทร์ ถวายนมัสการ
พระตถาคตและความที่พระธรรมเป็น
ธรรมดี เห็นทวยเทพใหม่ ๆ มีวรรณะ
มียศ ประพฤติพรหมจรรย์ในพระสุคตมา
ประชุม ณ สุธรรมาสภานี้ ย่อมบันเทิง
หนอ.
ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ ผู้เป็นสาวกของ
พระสุคตผู้ทรงภูริปัญญา บรรลุคุณธรรม
วิเศษแล้วในสุธรรมาสภานี้ ไพโรจน์ล่วง
เทพเหล่าอื่นด้วยวรรณะ ด้วยยศ และอายุ.

ทวยเทพชั้นดาวดึงส์ พร้อมกับพระ-
อินทรีถวายนมัสการพระตถาคตและความ
ที่พระธรรมเป็นธรรมดีเห็นเหตุนี้แล้ว
ย่อมบันเทิง ดังนี้.

[198] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้
เสียงของสนังกุมารพรหมผู้กล่าวเนื้อความนี้ประกอบด้วยองค์ 8 ประการ คือ
แจ่มใส 1 ชัดเจน 1 นุ่มนวล 1 น่าฟัง 1 กลมกล่อม 1 ไม่พร่า 1 ลึก 1 มี
กังวาน 1. ก็สนังกุมารพรหม ย่อมยังบริษัทเท่าใดให้ทราบเนื้อความด้วยเสียง
ของตน กระแสเสียงก็ไม่แพร่ไปในภายนอกบริษัทเท่านั้น. เสียงของผู้ใด
ประกอบด้วยองค์ 8 ประการอย่างนี้ ผู้นั้นท่านเรียกว่า มีเสียงเพียงดังเสียง
พรหม. ครั้งนั้นแล สนังกุมารพรหม นิรมิตอัตภาพ 33 อัตภาพ นั่งอยู่บน
บัลลังก์ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ทุก. ๆ บัลลังก์แล้ว เรียกเทวดาชั้นดาวดึงส์มา
กล่าวว่า เทวดาชั้นดาวดึงส์ จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ก็พระผู้มีพระภาค
พระองค์นี้ ทรงปฏิบัติเพื่อเกื้อกูลแก่ชนมาก เพื่อสุขแก่ชนมาก เพื่ออนุเคราะห์
โลก เพื่อประโยชน์เพื่อเกื้อกูล เพื่อสุข แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเพียงไร.
ชนเหล่าใดถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง ถึงพระสงฆ์เป็น
ที่พึ่ง กระทำบริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย ชนเหล่านั้นเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกาย
แตก บางพวกเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัตดี บางพวก
เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นนิมมานรดี บางพวกเข้าถึงความเป็นสหาย
ของเทวดาชั้นดุสิต บางพวกเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นยามา บางพวก
เข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชั้นดาวดึงส์ บางพวกเข้าถึงความเป็นสหายของ
เทวดาชั้นจาตุมมหาราช พวกที่ยังกายที่เลวกว่าเขาทั้งหมดให้บริบูรณ์ ย่อมไป
เพิ่มจำนวนหมู่เทพคนธรรพ์ ดังนี้.

[199] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สนังกุมารพรหมได้กล่าวเนื้อความนี้.
กระแสเสียงของสนังกุมารพรหมกล่าวเนื้อความนี้เท่านั้น เทวดาทั้งหลายสำคัญ
ว่า ผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ของเรานี้ผู้เดียวกล่าว ฉะนั้น พระโบราณาจารย์ จึง
กล่าวว่า
เมื่อสนังกุมารพรหมกล่าวผู้เดียว รูป
นิรมิตทั้งหมดก็กล่าว เมื่อสนังกุมารพรหม
นิ่งผู้เดียว รูปนิมิตเหล่านั้นทั้งหมดก็นิ่ง.
เทวดาชั้นดาวดึงส์พร้อมด้วยพระ-
อินทร์ ย่อมสำคัญสนังกุมารพรหมนั้นว่า
ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์ของเรานี้ผู้เดียวเท่านั้น
กล่าว.


ว่าด้วยอานิสงส์แห่งอิทธิบาท



[200] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ครั้งนั้นแล สนังกุมารพรหมกลับคืน
คนเป็นผู้เดียวแล้ว นั่งบนบัลลังก์ของท้าวสักกะจอมเทพ เรียกเหล่าเทวดาชั้น
ดาวดึงส์มากล่าวว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย เหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์จะสำคัญ
ความข้อนั้นเป็นไฉน อิทธิบาท 4 เหล่านี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้รู้ ผู้เห็น
เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติไว้แล้ว เพื่อความ
ทำฤทธิ์ให้มาก เพื่อความทำฤทธิ์ให้วิเศษ เพื่อแสดงฤทธิ์ได้ อิทธิบาท 4
เป็นไฉน ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยฉันทสมาธิ
และปธานสังขาร เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยวิริยสมาธิและปธานสังขาร
เจริญอิทธิบาทประกอบด้วยจิตตสมาธิและปธานสังขาร เจริญอิทธิบาทประกอบ
ด้วยวิมังสาสมาธิและปธานสังขาร อิทธิบาท 4 เหล่านี้แล อันพระผู้มีพระภาคเจ้า
ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงบัญญัติไว้แล้ว