เมนู

เบื้องต่ำ 5 อย่าง ปรินิพพาน ณ ที่นั้น ไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา ชน
ผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะกว่า 90 คน ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระสกทาคามี
เพราะสิ้นสังโยชน์ 3 อย่าง เพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบาง จะกลับมาสู่โลกนี้
เพียงครั้งเดียว แล้วจักทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้ ชนผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะกว่า
500 คน ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดาบัน เพราะสิ้นสังโยชน์ 3
อย่าง มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงมีสัมโพธิญาณเป็นเบื้องหน้า.
เพราะเหตุนั้นแล ชนผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะ ได้ฟังปัญหาพยากรณ์ของพระผู้
มีพระภาคเจ้าแล้วดีใจ เบิกบาน เกิดปีติโสมนัส.

ปริวิตกของพระอานนทเถระ



[189] พระอานนท์ผู้มีอายุได้สดับข่าวมาว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
พยากรณ์ถึงชนผู้บำรุงทำกาละล่วงไปนานแล้วในการอุบัติในชนบทใกล้เคียงทั้ง
หลาย คือ กาลี โกศล วัชชี มัลละ เจติ วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ
สุรเสน ว่า คนโน้นเกิด ณ ที่โน้น คนโน้นเกิด ณ ที่โน้น ชนผู้บำรุงชาวบ้าน
นาทิกะกว่า 50 คน ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นโอปปาติกะ เพราะสิ้นไป
ซึ่งสังโยชน์เบื้องต่ำ 5 อย่าง ปรินิพพาน ณ ที่นั้น ไม่กลับจากโลกนั้นเป็น
ธรรมดา ชนผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะกว่า 90 คน ทำกาละล่วงไปนานแล้ว
เป็นพระสกทาคามี เพราะสิ้นสังโยชน์ 3 อย่าง เพราะราคะ โทสะ โมหะ
เบาบาง จะกลับมาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วจักทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ได้ ชน
ผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะกว่า 500 คน ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสิ้นสังโยชน์ 3 อย่าง มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงมีสัมโพธิ
ญาณเป็นเบื้องหน้า เพราะเหตุนั้นแล ชนผู้บำรุงชาวบ้านนาทิกะได้ฟังปัญหา
พยากรณ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วดีใจ เบิกบานเกิดปีติโสมนัส.

ครั้งนั้นแล พระอานนท์ผู้มีอายุมีปริวิตกว่า ก็ชนผู้บำรุงชาวมคธเหล่า
นี้ มีมากและเป็นรัตตัญญู ทำกาละล่วงไปนานแล้ว อังคะและมคธ เห็นจะ
ว่างเปล่าจากชนผู้บำรุงชาวมคธซึ่งทำกาละล่วงไปนานแล้ว ก็ด้วยเหตุนั้นแล
ชาวมคธทั้งหลายเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในพระธรรม เลื่อมใส
ในพระสงฆ์ กระทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย ชาวมคธเหล่านั้น ทำกาละล่วงไป
นานแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ การพยากรณ์จะพึงสำเร็จประโยชน์
แม้แก่พวกเขา ชนมากจะพึงเลื่อมใส แต่นั้น จะพึงไปสู่สุคติ อนึ่ง พระเจ้า
พิมพิสาร จอมเสนี พระเจ้าแผ่นดินแห่งมคธพระองค์นี้ ทรงดำรงอยู่ในธรรม
เป็นพระราชาปกครองโดยธรรม ทรงเกื้อกูลแก่พราหมณ์คหบดี ชาวนิคมและ
ชาวชนบททั้งหลาย อนึ่ง ได้ยินว่า พวกมนุษย์พากันสรรเสริญว่า พระเจ้า-
แผ่นดินมคธนั้น ทรงดำรงอยู่ในธรรม เป็นพระราชาปกครองโดยธรรม ทรง
ปกครองให้พวกเราเป็นสุขอย่างนี้ เสด็จสวรรคตเสียแล้ว พวกเรา อยู่เป็นผาสุก
ในแว่นแคว้นของพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ในธรรม เป็นพระราชาปกครองโดย
ธรรมอย่างนี้ แม้อนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินมคธนั้นแล ทรงเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
ทรงเลื่อมใสในพระธรรม ทรงเลื่อมใสในพระสงฆ์ ทรงทำให้บริบูรณ์ในศีล
ทั้งหลาย ได้ยินว่า พวกมนุษย์ได้กล่าวอย่างนี้ว่า แม้จนกระทั่งเวลาจะเสด็จ
สวรรคต พระเจ้าพิมพิสาร จอมเสนีพระเจ้าแผ่นดินมคธ ก็ยังทรงสรรเสริญ
พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จสวรรคตแล้ว พระเจ้าแผ่นดินมคธนั้นเสด็จสวรรคต
ล่วงไปนานแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ การพยากรณ์จะพึงสำเร็จ
ประโยชน์แม้แก่พระเจ้าแผ่นดินมคธนั้น ชนมากจะพึงเลื่อมใส แต่นั้นจะพึงไป
สู่สุคติก็พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ในแผ่นดินมคธ เหตุไฉน พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงไม่ทรงพยากรณ์ถึงชนผู้บำรุงชาวมคธ ซึ่งทำกาละล่วงไปนานแล้วในแผ่นดิน
มคธที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้นั้น ในการอุบัติทั้งหลายเล่า ก็ถ้าพระผู้มีพระ-

ภาคเจ้า ไม่ทรงพยากรณ์ถึงชนผู้บำรุงชาวมคธทั้งหลายที่ทำกาละล่วงไปนานแล้ว
ในการอุบัติทั้งหลาย ก็จะเป็นเหตุให้ชนผู้บำรุงชาวมคธทั้งหลายจะพึงเสียใจว่า
ไฉนพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงไม่ทรงพยากรณ์ถึงพวกเขา. พระอานนท์ผู้มีอายุ
ปรารภถึงชนผู้บำรุงชาวมคธนี้ ทูลเลียบเคียงเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วลุกจากอาสนะะถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าทำประทักษิณหลีกไปแล้ว.
[190] ครั้งนั้นแล เมื่อพระอานนท์ผู้มีอายุหลีกไปไม่นาน ในปุพ-
พัณหสมัยเวลาใกล้รุ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งสบง ทรงบาตรและจีวรเสด็จ
เข้าไปบิณฑบาตยังบ้านนาทิกะ เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในบ้านนาทิกะ ภายหลัง
ภัต เสด็จกลับจากบิณฑบาตแล้ว ทรงล้างพระบาทเสด็จเข้าพระตำหนัก คิญ-
ชกาวสถะ ทรงปรารภถึงชนผู้บำรุงชาวมคธทรงตั้งพระทัยมนสิการประมวลเหตุ
ทั้งปวงด้วยพระทัย ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ด้วยทรงพระดำริว่า ผู้
เจริญเหล่านั้นมีคติอย่างใด มีภพหน้าอย่างใด เราจักรู้คติ จักรู้ภพหน้านั้น
ของชนผู้บำรุงชาวมคธเหล่านั้น . พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเห็นชนผู้บำรุงชาวมคธ
ว่าผู้เจริญเหล่านั้นมีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็นอย่างไร. ครั้งนั้นแล ใน
สายัณหสมัยเวลาใกล้เย็น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้นเสด็จออกจาก
พระตำหนัก คิญชกาวสถะ ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้ในร่มเงาวิหาร.

ว่าด้วยชนวสภะ



[191] ครั้งนั้นแล พระอานนท์ผู้มีอายุเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายอภิวาทแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง
ณ ที่ควรส่วนสุดข้างหนึ่ง พระอานนท์ผู้มีอายุนั่ง ณ ที่ควรส่วนสุดข้างหนึ่ง ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
มีพระอิริยาบถสงบยิ่ง ทรงมีพระฉวีวรรณแห่งพระพักตร์เปล่งปลั่งยิ่งนัก เพราะ
พระอินทรีย์ทั้งหลายผ่องใสวันนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ด้วยวิหารธรรม