เมนู

พระเจ้ามหาสุทัสสนะสวรรคต



[184] อานนท์ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้เสด็จสวรรคต
แล้ว ต่อกาลไม่นาน อานนท์ คฤหบดี หรือ บุตรคฤหบดี บริโภคโภชนะที่
ชอบใจ ย่อมเมาในอาหารฉันใด อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะได้เสวยเวทนา
ที่มีการสวรรคตเป็นที่สุด ฉันนั้นนั่นแล. อานนท์ ก็แลพระเจ้ามหาสุทัสสนะ
สวรรคตแล้ว ทรงเข้าถึงสุคติพรหมโลก. อานนท์ พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรง
เล่น อย่างพระกุมารอยู่ 84,000 ปี ทรงดำรงตำแหน่งอุปราชอยู่ 84,000 ปี
ทรงครองราชสมบัติอยู่ 84,000 ปี ทรงดำรงเพศคฤหัสถ์ประพฤติพรหม
จรรย์ในธรรมประสาท 84,000 ปี. พระเจ้ามหาสุทัสสนะทรงเจริญพรหม
วิหารธรรมสี่ หลังจากสวรรคตเพราะพระกายแตก ได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก
แล้ว.

กถาว่าด้วยความสังเวช



[185] อานนท์ เธอคงจะคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น พระเจ้ามหา
สุทัสสนะได้เป็นคนอื่น อานนท์ ข้อนั้นเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น สมัยนั้น เรา
ได้เป็นพระเจ้ามหาสุทัสสนะ พระนคร 84,000 ของเรานั้น มีกรุงกุสาวดี
ราชธานีเป็นประมุข ปราสาท 84,000 เหล่านั้น ของเรามีธรรมปราสาทเป็น
ประมุข เรือนยอด 84,000 เหล่านั้น ของเรามีเรือนยอดหลังใหญ่เป็นประมุข
บัลลังก์ 84,000 เหล่านั้นของเรา ทำด้วยทอง เงิน งา บุษราคัม บุลาด
ด้วยขนเจียม ลาดด้วยสักหลาด ลาดด้วยผ้าอย่างดี ปักเป็นลวดลาย บุลาด
ด้วยหนังกวางอย่างดี มีพนักสูงอย่างดี มีนวมแดงสองข้าง ช้าง 84,000
เชือกเหล่านั้นของเรา มีเครื่องแต่งทำด้วยทอง ปักธงทอง คลุมด้วยตาข่าย
ทอง มีพระยาช้างตระกูลอุโบสถเป็นประมุข ม้า 84,000 ตัวของเราเหล่านั้น
มีเครื่องแต่งเป็นทอง ปักธงทอง คลุมด้วยตาข่ายทอง มีพระยาม้าวลาหกเป็น

ประมุข รถ 84,000 เหล่านั้นของเรา หุ้มด้วยหนังราชสีห์ เสือโคร่ง เสือ
เหลือง และผ้าขนสัตว์สีเหลือง มีเครื่องแต่งทำด้วยทอง มีธงทอง คลุมด้วย
ตาข่ายทอง มีรถไพชยันต์เป็นประมุข แก้ว 84,000 ดวงเหล่านั้นของเรา มี
แก้วมณีเป็นประมุข หญิง 84,000 คนเหล่านั้นของเรา มีพระนางสุภัททาเทวี
เป็นประมุข คฤหบดี 84,000 คนเหล่านั้นของเรา มีคฤหบดีแก้วเป็นประมุข
กษัตริย์ 84,000 พระองค์เหล่านั้นของเรา ผู้จงรักภักดีมีปริณายกแก้วเป็น
ประมุข แม่โคนม 84,000 ตัวเหล่านั้นของเรา กำลังกำดัดหลั่งน้ำมัน กำลัง
เอาภาชนะสำริดรองรับ ผ้าเปลือกไม้อย่างเนื้อดี ผ้าฝ้ายอย่างเนื้อดี ผ้าไหมอย่าง
เนื้อดี ผ้าขนสัตว์อย่างเนื้อดีของเรา มี 84,000 โกฏิพับ ถาดพระกระยาหาร
84,000 สำรับเหล่านั้นของเรา มีคนใส่อาหารนำมาถวายทั้งเวลาเช้าและ เย็น
อานนท์ ก็แล บรรดาพระนคร 84,000 เหล่านั้น พระนครที่เราอยู่ครอบ
ครอง สมัยนั้น คือกุสาวดีราชธานี พระนครเดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล
บรรดาประสาท 84,000 เหล่านั้น ปราสาทที่เราอยู่ครอบครอง สมัยนั้น คือ
ธรรมปราสาท หลังเดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดาเรือนยอด 84,000
เหล่านั้น เรือนยอดที่เราอยู่ครอบครอง สมัยนั้น คือเรือนยอดหลังใหญ่หลัง
เดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดาบัลลังก์ 84,000 เหล่านั้น บัลลังก์ที่เรา
ใช้เสวยสมัยนั้น จะเป็นบัลลังก์ทอง เงิน งา หรือบุษราคัมนั้นก็ตาม บัลลังก์
เดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดาช้าง 84,000 เชือกเหล่านั้น ช้างที่เราขี่
สมัยนั้น คือพระยาช้างตระกูลอุโบสถ เชือกเดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดา
ม้า 84,000 ตัวเหล่านั้น ม้าที่เราขี่คือ พระยาม้าวลาหกตัวเดียวเท่านั้นอานนท์
ก็แล บรรดารถ 84,000 เหล่านั้น รถคันที่เราขี่สมัยนั้น คือรถไพชยันต์
คันเดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดาหญิง 84,000 เหล่านั้น หญิงที่บำรุง
เราสมัยนั้น จะเป็นนางกษัตริย์หรือว่าเป็นหญิงแพศย์ หญิงคนเดียวเท่านั้น

อานนท์ ก็แล บรรดาผ้า 84,000 โกฏิพับเหล่านั้น ผ้าที่เรานุ่งห่มสมัยนั้น จะ
เป็นผ้าเปลือกไม้อย่างดี ผ้าฝ้ายอย่างดี ผ้าไหมอย่างดี หรือเป็นผ้าขนสัตว์อย่างดี
ก็ตาม ผ้าคู่เดียวเท่านั้น อานนท์ ก็แล บรรดาถาดพระกระยาหาร 84,000 สำรับ
เหล่านั้น ถาดพระกระยาหารที่เราบริโภคคำข้าวสุกทนา หนึ่งเป็นอย่างยิ่ง และ
กับพอสมควรแก่ข้าวสุกนั้น ถาดพระกระยาหารเดียวเท่านั้น อานนท์ เธอจงดูซิ
สังขารเหล่านั้นล่วงไป ดับไป แปรไปหมดแล้ว อานนท์ สังขารทั้งหลาย
ไม่เที่ยง อย่างนี้ อานนท์ สังขารทั้งหลายไม่ยั่งยืนอย่างนี้แล อานนท์ สังขาร
ทั้งหลายไม่น่ายินดีอย่างนี้แล อานนท์ ข้อนี้ควรจะเบื่อ หน่ายในสังขารทั้งปวง
เทียว ควรจะคลายกำหนัด ควรละหลุดพ้น อานนท์ ก็แล เราย่อมรู้ที่ทอด
ทิ้งร่างกาย เราทิ้งร่างกายในประเทศนี้ การที่เราเป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรง
ความเป็นธรรมราชา เป็นใหญ่ในแผ่นดินมีสมุทรทั้ง 4 เป็นขอบเขต เป็นผู้
พิชิตมีชนบทมั่นคง สมบูรณ์ด้วยรัตนะเจ็ดประการ ทิ้งร่างกายนี้เป็นที่เจ็ด
อานนท์ ก็แล เราไม่เล็งเห็นประเทศนั้นในโลกทั้งเทวโลก มารโลก พรหม
โลก ในหมู่สัตว์ทั้งสมณะพราหมณ์พร้อมทั้งเทวดา และมนุษย์ที่พระตถาคต
จะทอดทิ้งร่างกายเป็นครั้งที่แปด ดังนี้.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้พระสุคตตรัสคำนี้แล้ว ลำดับนั้น พระศาสดา
ได้ตรัสคาถาประพันธ์นี้อื่นอีกว่า
[186] สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิด
ขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้ว
ย่อมดับไป การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้น
เป็นความสุข ดังนี้.

จบมหาสุทัสสนสูตรที่ 4

อรรถถกถามหาสุทัสสนสูตร



มหาสุทัสสนสูตรขึ้นต้นว่า ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้. การพรรณนา
ตามลำดับบทในมหาสุทัสสนสูตรนั้น มีดังนี้ ในคำว่า เอาแก้วทุกอย่างมา
สร้างปนกัน
นั้น อิฐก้อนหนึ่งทำด้วยทอง ก้อนหนึ่งทำด้วยเงิน ก้อนหนึ่ง
ทำด้วยแก้วไพฑูรย์ ก้อนหนึ่งทำด้วยแก้วผลึก ก้อนหนึ่งทำด้วยโกเมน ก้อนหนึ่ง
ทำด้วยบุษราคัม ก้อนหนึ่งทำด้วยรัตนะทุกอย่าง. กำแพงนี้อยู่ภายในกำแพง
ทั้งหมด สูงประมาณ 60 ศอก. แต่พระเถระพวกหนึ่งกล่าวว่า ชื่อว่านคร เมื่อ
คนยืนอยู่ภายในแลดูก็จะมีสัณฐานกลม เพราะฉะนั้น กำแพงที่อยู่ข้างนอกทั้งหมด
จึงสูง 60 ศอก กำแพงที่เหลือจึงต่ำโดยลำดับ. พวกหนึ่งกล่าวว่า นครนี้ เมื่อคน
ยืนอยู่ภายนอกแลดู ก็จะมีสัณฐานกลม เพราะฉะนั้น กำแพงในที่สุด จึงสูง 60
ศอก กำแพงที่เหลือจึงต่ำโดยลำดับ. พวกหนึ่งกล่าวว่า นครนี้ เมื่อคนยืนอยู่
ภายในและภายนอกแลดู ก็จะมีสัณฐานกลม เพราะฉะนั้น กำแพงในท่ามกล่าว
จึงสูง 60 ศอก กำแพงภายใน 3 แห่ง และภายนอก 3 แห่ง จึงต่ำโดยลำดับ.
บทว่า เอกสิกา คือ เสาระเนียด. บทว่า ติโปริสงฺคา ความว่า
แขนบุรุษคนหนึ่งพันแขนกัน 3 คน รวมกันเป็น 15 แขน. ก็เสาระเนียด
เหล่านั้น ตั้งอยู่อย่างไร. โดยข้างนอกพระนคร ใกล้ปีกพระทวารใหญ่
แต่ละแห่ง มีเสาระเนียดแห่งละ 1 ต้น ใกล้ปีกพระทวารเล็กแต่ละแห่ง มี
เสาระเนียดแห่งละ 1 ต้น ระหว่างพระทวารใหญ่ และพระทวารเล็กแห่งละ
3 ต้น.
บรรดาต้นตาลที่ทำด้วยรัตนะทั้งหมดในแถวตาลทั้งหลาย ตาลต้นหนึ่ง
ทำด้วยทอง เพราะฉะนั้น พึงทราบลักษณะที่กล่าวแล้วในกำแพงนั่นเทียว.