เมนู

ด้วยผ้าใหม่โดยอุบายนี้ ห่อพระสรีระพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยผ้า 500 คู่ แล้ว
เชิญลงในรางเหล็กอันเต็มด้วยน้ำมัน ครอบด้วยรางเหล็กอื่น แล้วกระทำจิต
กาธานด้วยไม้หอมทุกชนิด แล้วจึงเชิญพระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าขึ้นสู่
จิตกาธาน.

เรื่องพระมหากัสสปเถระ



[154] สมัยนั้น พระมหากัสสปะพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประ-
มาณ 500 รูป เดินทางจากเมืองปาวาสู่เมืองกุสินารา. ลำดับนั้น ท่านมหา
กัสสปะแวะออกจากทางแล้วนั่งพักที่โคนไม้ต้นหนึ่ง.
สมัยนั้น อาชีวกคนหนึ่ง ถือดอกมณฑารพในเมืองกุสินาราเดินทางไกล
มาสู่เมืองปาวา. ท่านมหากัสสปะได้เห็นอาชีวกนั้นมาแต่ไกล จึงถามอาชีวก
นั้นว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ท่านยังทราบข่าวพระศาสดาของเราบ้างหรือ. อาชีวกตอบ
ว่า เราทราบอยู่ พระสมณโคดมปรินิพพานได้ 7 วัน เข้าวันนี้ นี้ดอกมณฑารพ
เราถือมาแต่ที่นั้น บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใดยังไม่ปราศจากราคะ
ภิกษุเหล่านั้นบางพวกประคองแขนทั้งสองคร่ำครวญอยู่ ล้มลงกลิ้งเกลือกไปมา
เหมือนเท้าขาดแล้ว รำพันว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าปรินิพพานเร็วนัก พระสุคต
ปรินิพพานเร็วนัก พระองค์ผู้มีพระจักษุในโลกอันตรธานเร็วนัก. ส่วนภิกษุ
เหล่าใดปราศจากราคะ ภิกษุเหล่านั้นมีสติสัมปชัญญะอดกลั้นอยู่ว่า สังขาร
ทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ ข้อนั้นจะหาได้ในสังขารนี้แต่ที่ไหน.

เรื่องสุภัททวุฑฒบรรพชิต



[155] สมัยนั้น บรรพชิตผู้บวชเมื่อแก่ชื่อสุภัททะ นั่งอยู่ในบริษัท
นั้น. สุภัททวุฑฒบรรพชิตได้กล่าวกะพวกภิกษุว่า อย่าเลยผู้มีอายุ พวกท่าน
อย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย เราพ้นดีแล้ว ด้วยว่าพระมหาสมณะนั้นเบียด

เบียนพวกเราอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ ก็บัดนี้พวกเรา
ปรารภในสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใด ก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น.
ลำดับนั้น พระมหากัสสปะเตือนภิกษุทั้งหลายว่า อย่าเลยผู้มีอายุ พวก
ท่านอย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสอนไว้อย่างนี้
ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ความเป็นต่าง ๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น
จากสิ่งและบุคคลเป็นที่รักที่ชอบทั้งหมดต้องมี ข้อนั้นจะหาได้ในสิ่งและบุคคล
ที่รักที่ชอบใจนี้แต่ที่ไหน สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความ
ทำลายเป็นธรรมดา ความปรารถนาว่าขอสิ่งนี้ อย่าทำลายไปเลยดังนี้ ไม่เป็น
ฐานะที่จะมีได้.

มัลลปาโมกข์ 4



[156] สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ 4 องค์ สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้า
ใหม่ด้วยดำริว่า เราจักยังไฟให้ติดจิตกาธารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ย่อมไม่
อาจให้ติดได้. ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะ
ว่า ท่านอนุรุทธะอะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ที่มัลลปาโมกข์
4 องค์เหล่านี้ ผู้สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่ด้วยดำริว่า เราจักยังไฟให้
ติดจิตกาธาร ย่อมไม่อาจให้ติดได้. ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า ดูก่อนวาสิฏฐะ
ทั้งหลาย พวกเทวดามีความประสงค์อย่างหนึ่ง. มัลลปาโมกข์ถามว่า ข้าแต่ท่าน
ผู้เจริญ พวกเทวดามีความประสงค์อย่างไร. ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า
พวกเทวดามีความประสงค์ว่า ท่านพระมหากัสสปะนี้ พร้อมด้วยภิกษุ
สงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา
จิตกาธารของพระผู้มีพระภาคเจ้าจักยังไม่ลุกโพลงขึ้น จนกว่าท่านพระมหา
กัสสปะจะถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยมือของตน.