เมนู

สุภัททสำเร็จอรหัต



ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อน
อานนท์ ถ้าเช่นนั้น เธอจงให้สุภัททปริพาชกบวชเถิด. ท่านพระอานนท์ทูลรับ
พระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว. สุภัททปริพาชกได้กล่าวกะท่านพระ-
อานนท์ว่า ดูก่อนท่านอานนท์ผู้มีอายุ ลาภของท่าน ท่านได้ดีแล้ว ที่พระศาสดา
ทรงอภิเษกด้วยอันเตวาสิกาภิเษก ที่เฉพาะพระพักตร์ในพระศาสนานี้. สุภัทท-
ปริพาชก ได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว. ก็ท่าน
สุภัททะอุปสมบทแล้วไม่นาน หลีกออกไปอยู่แต่ผู้เดียวเป็นผู้ไม่ประมาท มี
ความเพียร มีตนส่งไปแล้วอยู่ไม่ช้านานนัก ทำให้แจ้งที่สุดพรหมจรรย์อัน
ยอดเยี่ยมที่กุลบุตรทั้งหลาย ผู้มีความต้องการออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
โดยชอบด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเอง ในทิฏฐธรรมเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้
มี. ท่านสุภัททะรูปหนึ่งได้เป็นพระอรหันต์. ท่านเป็นสักขิสาวกองค์สุดท้าย
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
จบภาณวารที่ 5

ประทานโอวาทแก่ภิกษุสงฆ์



[141] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
ดูก่อนอานนท์ บางที่พวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วง
แล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี
วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัย
อันนั้นจักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเราดูก่อนอานนท์ บัดนี้
พวกภิกษุเรียกกันและกันด้วยวาทะว่า อาวุโสฉันใด โดยล่วงไปแห่งเรา ไม่ควร

เรียกกันฉันนั้น ภิกษุผู้แก่กว่า พึงเรียกภิกษุผู้อ่อนกว่าโดยชื่อหรือโดยโคตร
หรือโดยวาทะว่าอาวุโส ภิกษุผู้อ่อนกว่า พึงเรียกภิกษุผู้แก่กว่าว่า ภนฺเต หรือ
อายสฺมา ดูก่อนอานนท์ ถ้าสงฆ์ปรารถนาจะถอนสิกขาบทเล็กน้อยเสียบ้างจง
ถอนเถิด โดยล่วงไปแห่งเรา พึงลงพรหมทัณฑ์แก่ฉันนภิกษุ โดยล่วงไปแห่ง
เรา. ท่านพระอานนท์กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พรหมทัณฑ์
เป็นไฉน. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ฉันนภิกษุพึงพูดได้ตามที่ตนปรารถนา
ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่า ไม่พึงโอวาท ไม่พึงสั่งสอน.
[142] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
มรรค หรือในข้อปฏิบัติจะพึงมีแก่ภิกษุแม้รูปหนึ่ง พวกเธอจงถามเถิด อย่าได้มี
ความร้อนใจภายหลังว่า พระศาสดาอยู่เฉพาะหน้าเราแล้ว เรายังมิอาจทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าที่เฉพาะพระพักตร์. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว
พวกภิกษุเหล่านั้นก็พากันนิ่งอยู่. แม้ครั้งที่สอง. . . แม้ครั้งที่สามภิกษุเหล่านั้น
ก็พากันนิ่งอยู่.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย
บางทีพวกเธอไม่ถามแม้เพราะความเคารพในพระศาสดา แม้ภิกษุผู้เป็นสหาย
จงบอกแก่ภิกษุผู้สหายเถิด. เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้ แล้วพวกภิกษุ
เหล่านั้นก็พากันนิ่งอยู่ ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว ข้าพระองค์เลื่อมใสในภิกษุ
สงฆ์อย่างนี้ว่า ความสงสัยเคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มรรค
หรือในข้อปฏิบัติไม่มีแม้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์หมู่นี้. ดูก่อนอานนท์
เธอพูดเพราะความเลื่อมใส ตถาคตหยั่งรู้ในข้อนี้เหมือนกันว่า ความสงสัย
เคลือบแคลงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มรรค หรือข้อปฏิบัติไม่มีแม้

แก่ภิกษุรูปหนึ่ง ในภิกษุสงฆ์หมู่นี้. บรรดาภิกษุ 500 รูปเหล่านี้ ภิกษุรูปที่
ต่ำที่สุด ก็เป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะตรัสรู้ใน
ภายหน้า.

พระปัจฉิมวาจา



[143] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อม
ไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด. นี้เป็นพระ-
ปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.

ปรินิพพาน



[144] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเข้าปฐมฌาน ออกจาก
ปฐมฌานแล้ว เข้าทุติยฌาน ออกจากทุติยฌานแล้ว เข้าตติยฌาน ออกจาก
ตติยฌานแล้ว เข้าจตุตถฌาน ออกจากจตุตถฌานแล้ว ทรงเข้าอากาสานัญ-
จายตนะ ออกจากอากาสานัญจายตสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจายตนะ ออกจาก
วิญญาณัญจายตนสมาบัติแล้ว เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญา-
ยตนะสมาบัติแล้ว เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญา-
ยตนสมบัติแล้ว ทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ.
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วหรือ ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า อานนท์ผู้มีอายุ
พระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่เสด็จปรินิพพานทรงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติ
แล้ว เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนะ ออกจากเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติแล้ว
เข้าอากิญจัญญายตนะ ออกจากอากิญจัญญายตนะสมาบัติแล้ว เข้าวิญญาณัญจา-