เมนู

ใกล้ประตูโรงกระเดื่อง. ครั้งนั้น บุรุษคนหนึ่งออกจากหมู่มหาชนนั้น เข้ามา
หาเรา อภิวาทเราแล้ว ยื่นอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง. เราได้กล่าวกะบุรุษ
นั้นว่า ดูก่อนผู้มีอายุ หมู่มหาชนนั้น ประชุมกันทำไมหนอ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อกี้นี้ เมื่อฝนกำลังตก ก็อย่างหนัก ฟ้า-
แลบ ฟ้าผ่าอยู่ ชาวนาสองพี่น้องและโคผู้ 4 ตัว ถูกสายฟ้าฟาด หมู่มหาชน
ประชุมกันแล้วในที่นี้ ก็พระองค์อยู่ในที่ไหนเล่า. เราอยู่ในที่นี้เอง. ก็พระองค์
ได้เห็นอะไรหรือ. เราไม่ได้เห็น. ก็พระองค์ได้ยินเสียงอะไรหรือ. เราไม่ได้
ยิน. ก็พระองค์หลับหรือ. เราไม่ได้หลับ. ก็พระองค์ยังมีสัญญาอยู่หรือ.
อย่างนั้นท่านผู้มีอายุ. ก็พระองค์มีสัญญาตื่นอยู่เมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก
ฟ้าแลบอยู่ ฟ้าผ่าอยู่ ไม่ได้เห็นทั้งไม่ได้ยินเสียงหรือ. อย่างนั้น ท่านผู้มีอายุ.
ดูก่อนปุกกุสะ บุรุษนั้นได้มีความคิดอย่างนี้ว่า น่าอัศจรรย์หนอ เหตุ
ไม่เคยมี ก็มีมาแล้ว พวกบรรพชิตย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบหนอ ดังผู้
มีสัญญาตื่นอยู่ เมื่อฝนกำลังตก ตกอย่างหนัก ฟ้าแลบอยู่ ฟ้าผ่าอยู่ ไม่ได้เห็น
ไม่ได้ยินเสียง. ประกาศความเลื่อมใสอย่างยิ่งในเรา กระทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป.

ปุกกุสมัลลบุตรเป็นอุบาสก



เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ปุกกุสมัลลบุตรได้กราบทูลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์โปรยความเลื่อมใสในอาฬารดาบสกาลาม-
โคตร ลงในพายุใหญ่ หรือลอยเสียในแม่น้ำมีกระแสเชี่ยว ข้าแต่พระองค์ผู้
เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของ
พระองค์แจ่มแจ้งนัก บุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลง
ทาง หรือส่องประทีบในที่มืด ผู้มีจักษุจักเห็นรูปแม้ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้า

ทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยายฉันนั้นเหมือนกัน ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า พระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า
จงทรงจำข้าพระองค์ว่า เป็นอุบาสก ผู้ถึงสรณะตลอดชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
ลำดับนั้น ปุกกุสมัลลบุตร สั่งบุรุษคนหนึ่งว่า ดูก่อนพนายท่านจง
ช่วยนำคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยง มีสีดังทองสิงคีซึ่งเป็นผ้าทรงของเรา. บุรุษนั้นรับคำ
ของปุกกุสมัลลบุตรแล้ว นำคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงมา
แล้ว. ปุกกุสมัลลบุตรน้อมคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงมีสีดังทองสิงคี ซึ่งเป็นผ้าทรงนั้น
เข้าไปถวายแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงนี้
มีสีดังทองสิงคี เป็นผ้าทรง ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงอาศัยความอนุเคราะห์
ทรงรับคู่ผ้านั้นของข้าพระองค์เถิด. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนปุกกุสะ
ถ้าเช่นนั้น ท่านจงให้เราครองผืนหนึ่ง ให้อานนท์ครองผืนหนึ่ง.ปุกกุสมัลล-
บุตรทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว น้อมถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงครองผืนหนึ่ง ถวายท่านพระอานนท์ครองผืนหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงยังปุกกุสมัลลบุตรให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริงด้วย
ธรรมีกถาแล้ว ปุกกุสมัลลบุตรอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน
ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ด้วยธรรมีกถาแล้วลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มี
พระภาคเจ้ากระทำประทักษิณแล้วหลีกไป.

ผิวกายพระตถาคตผ่องใสยิ่งใน 2 กาล



[122] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์ เมื่อปุกกุสมัลลบุตรหลีกไปแล้วไม่
นาน ได้น้อมคู่ผ้าเนื้อเกลี้ยงมีสีดังทองสิงดี ซึ่งเป็นผ้าทรงนั้น เข้าไปสู่พระกาย
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า. ผ้าที่พระอานนท์น้อมเข้าไปสู่พระกายของพระมีพระ-
ภาคเจ้านั้น ย่อมปรากฏดังถ่านไฟที่ปราศจากเปลวฉะนั้น. ท่านพระอานนท์