เมนู

อุบาสก ชื่อว่า กกุธะ. . .
อุบาสก ชื่อว่า การฬิมภะ. . .
อุบาสก ชื่อว่า นิกฏะ. . .
อุบาสก ชื่อว่า กฏิสสหะ . . .
อุบาสก ชื่อว่า ตุฏฐะ. . .
อุบาสก ชื่อว่า สันตุฏฐะ. . .
อุบาสก ชื่อว่า ภฏะ. . .
อุบาสกชื่อ สุภฏะ ทำกาละแล้วในหมู่บ้านนาทิกะ เขามีคติอย่างไร มีภพไป
ถึงภายหน้าอย่างไร พระเจ้าข้า.

แว่นธรรม



พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีพระดำรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ภิกษุสาฬหะ
ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ หาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลาย
สิ้นไป ด้วยปัญญารู้ยิ่งด้วยตนเองแล้ว เข้าถึงอยู่ในทิฏฐธรรมแล้วแล
ดูก่อนอานนท์ ภิกษุณีชื่อนันทา เพราะสัญโญชน์ อันเป็นส่วนเบื้อง
ต่ำ 5 สิ้นไป เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น ปรินิพพาน ในชั้นสุทธาวาสนั้น เป็นผู้ไม่
กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกสุทัตตะ เพราะสัญโญชน์ 3 อย่างสิ้นไป
เพราะราคะ โทสะและโมหะทั้งหลายบางเบา เป็นสกทาคามี จักมาสู่โลกนี้
อีก ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วจักทำที่สุดทุกข์
ดูก่อนอานนท์ อุบาสิกาสุชาดา เพราะสัญโญชน์ 3 อย่างสิ้นไป เป็น
โสดาบัน เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้แน่นอนแล้ว จะตรัสรู้ในภายหน้า

ดูก่อนอานนท์ อุบาสกกกุธะ เพราะ (เขา) สิ้นสัญโญชน์ส่วนเบื้อง
ต่ำ 5 อย่าง เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น ปรินิพพานในชั้นสุทธาวาสนี้ เป็นผู้ไม่กลับ
มาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกการฬิมภะ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกนิกฏะ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสก กฏิสสหะ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสก ตุฏฐะ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสก สันตุฏฐ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสก ภฏะ. . .
ดูก่อนอานนท์ อุบาสก สุภฏะ เพราะ (เขา) สิ้นสัญโญชน์ส่วน
เบื้องต่ำ 5 อย่าง เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น ปรินิพพานในชั้นสุทธาวาสนั้น เป็นผู้ไม่
กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกทั้งหลาย ในหมู่บ้านนาทิกะกว่า 50 คน ทำ
กาละแล้ว เพราะ (เขา) สิ้นสัญโญชน์ส่วนเบื้องต่ำ 5 อย่าง เป็นผู้ผุดเกิดขึ้น
ปรินิพพานในชั้นสุทธาวาสนั้น เป็นผู้ไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกทั้งหลายในหมู่บ้านนาทิกะ 96 คน ทำกาละ
แล้ว เพราะสัญโญชน์ 3 อย่างในรูป เพราะราคะ โทสะและโมหะบางเบา
เป็นสกทาคามี จักมาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วจักทำที่สุดทุกข์
ดูก่อนอานนท์ อุบาสกทั้งหลาย ในหมู่บ้านนาทิกะ 510 คน ทำ
กาละแล้ว เพราะสัญโญชน์ 3 อย่างสิ้นไป เป็นโสดาบันเป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็น
ธรรมดา เป็นผู้แน่นอน เป็นผู้จะตรัสรู้ในภพหน้า ข้อนั้นไม่เป็นสิ่งอัศจรรย์
เป็นมนุษย์พึงทำกาละ เมื่อบุคคลนั้น ๆ ทำกาละแล้ว เธอทั้งหลายก็จักเข้ามาหา
ตถาคต แล้วถามเนื้อความนี้ว่า ดูก่อนอานนท์ ข้อนี้เป็นการเบียดเบียนแก่

ตถาคตโดยแท้ ดูก่อนอานนท์ เพราะเหตุนั้นแหละเรา ตถคตจักแสดงธรรม
บรรยายชื่อว่าแว่นธรรมไว้ ซึ่งอริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรมบรรยายชื่อว่าแว่น
ธรรมแล้ว เมื่อปรารถนาพึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองว่า ฉันมีนรกสิ้นแล้ว มี
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีวิสัยแห่งเปรตสิ้นแล้ว เป็นผู้มีอบายทุคติและ
วินิบาตสิ้นแล้ว ฉันเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้
แน่นอนแล้ว จะตรัสรู้ในภายหน้า.
ดูก่อนอานนท์ ก็ธรรมบรรยาย ชื่อว่า แว่นธรรม ซึ่งอริยสาวก ผู้
ประกอบด้วยธรรมบรรยายชื่อว่าแว่นธรรมแล้ว เมื่อปรารถนาพึงพยากรณ์ตน
ด้วยตนเองว่า ฉันมีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีวิสัยแห่ง
เปรตสิ้นแล้ว เป็นผู้มีอบายทุคติและวินิบาตสิ้นแล้ว ฉันเป็นพระโสดาบัน
เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้แน่นอนแล้ว จะตรัสรู้ในภายหน้านั้นเป็น
ไฉน
ดูก่อนอานนท์ อริยสาวกในพระศาสนานี้
(1) เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
แม้ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ เป็นผู้
ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้
เสด็จไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลก เป็นสารถีผู้ฝึกคนที่ควรฝึกไม่มีผู้ข้อนี้ยิ่งกว่า เป็น
พระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็นผู้ทรงจำแนก
ธรรม ดังนี้.
(2) เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้ดีแล้ว ผู้บรรลุพึงเห็นด้วยตนเอง ไม่
ประกอบด้วยกาล เรียกคนอื่นมาดูได้ น้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนทั้งหลาย
พึงรู้เฉพาะตน ดังนี้.

(3) เป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์ว่า
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้
ปฏิบัติเพื่อรู้ เป็นผู้ปฏิบัติสมควร พระสงฆ์สาวกนี้ คือ ใคร คู่แห่งบุรุษ 4
คู่ บุรุษบุคคล 8 ท่าน นี้คือพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควร
แก่ของนำมาคำนับ เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ของทำบุญ เป็น
ผู้ควรแก่การทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.
(4) เป็นผู้ประกอบด้วยอริยกันตศีลทั้งหลาย ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ
ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิไม่
แปดเปื้อน ดำเนินไปเพื่อได้สมาธิ ดูก่อนอานนท์ ธรรมบรรยายชื่อว่าแว่น
ธรรมนี้แล ซึ่งพระอริยาสาวกผู้ประกอบด้วยธรรมบรรยายชื่อว่าแว่นธรรมแล้ว
เมื่อปรารถนาพึงพยากรณ์ตนได้ด้วยตนเองว่า ฉันมีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์
ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีวิสัยแห่งเปรตสิ้นแล้ว เป็นผู้มีอบาย ทุคคติและวินิบาต
สิ้นแล้ว ฉันเป็นพระโลดาบัน เป็นผู้ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้แน่นอน
แล้ว จะตรัสรู้ในภายหน้า ดังนี้.
ได้ยินว่า แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จอยู่ ณ เรือนรับรองก่อด้วย
อิฐในหมู่บ้านนาทิกะนั้น ก็ทรงทำธรรมีกถานี้แลเป็นอันมาก แก่ภิกษุทั้งหลาย
ว่า ศีล มีอยู่ด้วยประการฉะนี้ สมาธิ มีอยู่ด้วยประการฉะนี้ ปัญญา มีอยู่
ด้วยประการฉะนี้ สมาธิอันศีลอบรมแล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ปัญญา
อันสมาธิอบรมแล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก จิตอันปัญญาอบรมแล้ว ก็หลุดพ้น
ด้วยดีโดยแท้จากอาสวะทั้งหลาย กล่าวคือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ
ดังนี้.

นครเวสาลี



[90] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จอยู่ในหมู่บ้านนาทิกะ
ตามพระอัธยาศัยแล้วตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า มาเถอะ อานนท์ เราจะเข้า
ไปนครเวสาลีกันเถิด. ท่านพระอานนท์ กราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
พระเจ้าข้า. ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
เสด็จดำเนินถึงนครเวสาลีนั้นแล้ว. ทราบว่าในนครเวสาลีนั้น พระผู้มีพระภาค-
เจ้า เสด็จประทับในอัมพปาลิวัน.

สติปัฏฐาน-อนุสาสนี



ในอัมพปาลิวันนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงเป็นผู้มีสติ มีสัมปชัญญะอยู่ นี้เป็น
อนุสาสนีของเรา (มอบให้) แก่เธอ (ทั้งหลาย)*
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างไร.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระศาสนานี้พิจารณากายในกายเป็นผู้มี
ความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระศาสนานี้ พิจารณาเวทนาใน
เวทนา . . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระศาสนานี้ พิจารณาจิตในจิต. . .
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระศาสนานี้ พิจารณาธรรมในธรรม
มีสัมปชัญญะ มีสติอยู่ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีสติอยู่อย่างนี้แล.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะเป็นอย่างไร.
1. ตรงนี้ เป็น เต - แก่เธอ แต่ข้างหน้า เป็น โว - แก่เธอทั้งหลาย