เมนู

หาโทษมิได้ ให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อความได้ชัด อนึ่ง ท่านเป็นอาจารย์และ
ปาจารย์ของชนหมู่มาก สอนมนต์แก่มาณพถึง 300 คน มาณพเป็นอันมาก
ต่างทิศต่างชนบทผู้ต้องการมนต์ ใคร่จะเรียนมนต์ในสำนักของท่านพากัน
มา อนึ่ง ท่านเป็นคนแก่เฒ่า เป็นผู้ใหญ่ล่วงกาลผ่านวัยมาโดยลำดับ ส่วน
พระสมณโคดมเป็นคนหนุ่ม และบวชแต่ยังหนุ่ม อนึ่ง ท่านเป็นผู้อันพระ
เจ้าแผ่นดินมคธ จอมเสนา พระนามว่า พิมพิสาร ทรงสักการะเคารพ
นับถือ บูชา นอบน้อม อนึ่ง ท่านเป็นผู้อันพราหมณ์โปกขรสาติสีกการะ
เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม อนึ่ง ท่านครองนครจัมปาซึ่งคับคั่งด้วย
ประชาชนและหมู่สัตว์ อุดมด้วยหญ้า ด้วยไม้ ด้วยน้ำ สมบูรณ์ด้วย
ธัญญาหาร ซึ่งเป็นราชสมบัติอันพระเจ้าแผ่นดินมคธ จอมเสนา พระนามว่า
พิมพิสาร พระราชทานปูนบำเหน็จให้เป็นส่วนพรหมไทย เพราะเหตุนี้
แหละท่านจึงไม่ควรไปเฝ้าพระสมณโคดม พระสมณโคดมต่างหาก ควรจะ
เสด็จมาหาท่าน ดังนี้.

พระพุทธคุณ


[182] เมื่อพวกพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว พราหมณ์โสณทัณฑะ
ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น ขอพวกท่านจงฟังข้าพเจ้าบ้าง เรา
นี้แหละควรไปเฝ้าพระโคดมพระองค์นั้น พระโคดมไม่ควรเสด็จมาหาเรา
ได้ทราบว่า พระสมณโคดม เป็นอุภโตสุชาต ทั้งฝ่ายพระมารดาและ
พระบิดา มีพระครรภ์ที่ทรงถือปฏิสนธิหมดจดดีตลอด 7 ชั่วคน ไม่มีใคร
จะคัดค้านติเตียนได้ด้วยการกล่าวอ้างถึงพระชาติ เพราะเหตุนี้แหละ พระ
โคดมจึงไม่ควรเสด็จมาหาเรา ที่ถูกเรานี้แหละควรจะไปเฝ้าพระองค์ ได้
ทราบว่า พระสมณโคดม ทรงสละพระญาติหมู่ใหญ่ออกทรงผนวช ทรง

สละเงินและทองเป็นอันมาก ทั้งที่อยู่ในพื้นดิน ทั้งที่อยู่ในอากาศออก
ทรงผนวช พระองค์กำลังหนุ่ม มีพระเกศาดำสนิท ทรงพระเจริญด้วย
ปฐมวัย ออกทรงผนวชเป็นบรรพชิต เมื่อพระมารดาและพระบิดาไม่
ทรงปรารถนาให้ทรงผนวช มีพระพักตร์อาบด้วยน้ำพระเนตรทรงกันแสง
อยู่ พระองค์ทรงปลงพระเกศาและพระมัสสุ ทรงครองผ้ากาสาว-
พัสตร์เสด็จออกผนวชเป็นบรรพชิต พระองค์มีพระรูปงาม น่าดู น่า
เลื่อมใส ประกอบด้วยพระฉวีวรรณผุดผ่องยิ่งนัก มีพระวรรณคล้ายพรหม
มีพระรูปคล้ายพรหม น่าดู น่าชมไม่น้อย พระองค์เป็นผู้มีศีล มีศีลอันประ-
เสริฐ มีศีลเป็นกุศล ประกอบด้วยศีลเป็นกุศล พระองค์มีพระวาจาไพเราะ
มีพระสำเนียงไพเราะ ประกอบด้วยวาจาของชาวเมือง สละสลวย หาโทษมิ
ได้ ให้ผู้ฟังเข้าใจเนื้อความได้ชัด พระองค์เป็นอาจารย์และปาจารย์ของคน
หมู่มาก พระองค์สิ้นกามราคะแล้ว เลิกประดับประดาแต่งแล้ว พระ
องค์เป็นกรรมวาที เป็นกิริยวาที ไม่ทรงมุ่งร้ายแก่พวกพราหมณ์ พระ
องค์ทรงผนวชจากสกุลสูง คือ สกุลกษัตริย์อันไม่เจือปน พระองค์ทรงผนวช
จากสกุลมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก ชนต่างรัฐต่างชนบทพากัน
มาทูลถามปัญหากะพระองค์ เทวดาหลายพันนอบชีวิตถึงพระองค์เป็นสรณะ
พระเกียรติศัพท์อันงามของพระองค์ขจรไปแล้วอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึง
พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้โลก ทรงเป็นสารถี
ฝึกคนที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นพระศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้ง-
หลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้ทรงจำแนกพระธรรม ดังนี้ พระองค์ทรง
ประกอบด้วยมหาปุริลักษณะ 32 ประการ พระองค์มีปกติกล่าวเชื้อเชิญ
เจรจาผูกไมตรี ช่างปราศรัย พระพักตร์ไม่สยิ้ว เบิกบาน มีปกติตรัส

ก่อน พระองค์เป็นผู้อันบริษัท 4 สักการะ เคารพนับถือบูชา นอบน้อม
เทวดาและมนุษย์จำนวนมากเลื่อมใสในพระองค์ยิ่งนัก พระองค์ทรงพำนัก
อยู่ในหมู่บ้านหรือในนิคมใด ในหมู่บ้าน หรือในนิคมนั้นไม่มีอมนุษย์เบียด-
เบียนมนุษย์ พระองค์ทรงเป็นเจ้าหมู่เจ้าคณะและทรงเป็นคณาจารย์ได้รับยก
ย่องว่า เป็นยอดของเจ้าลัทธิเป็นอันมาก สมณพราหมณ์เหล่านี้รุ่งเรืองยศ
ด้วยประการใด ๆ แต่พระสมณโคดมไม่อย่างนั้น ที่แท้พระสมณโคดมรุ่ง
เรืองพระยศ ด้วยวิชชาและจรณสมบัติอันยอดเยี่ยม พระเจ้าแผ่นดินมคธ
จอมเสนา พระนามว่า พิมพิสาร พร้อมทั้งพระโอรส และพระมเหสี ทั้ง
ราชบริพารและอำมาตย์ ทรงมอบชีวิต ถึงพระองค์เป็นสรณะ พระเจ้า
ปเสนทิโกศล พร้อมทั้งพระโอรส และพระมเหสีทั้งราชบริพารและอำมาตย์
ทรงมอบชีวิตถึงพระองค์เป็นสรณะ พราหมณ์โปกขรสาติพร้อมทั้งบุตรและ
ภรรยา ทั้งบริวารและอำมาตย์ มอบชีวิตถึงพระองค์เป็นสรณะพระองค์
เป็นผู้อันพระเจ้าแผ่นดินมคธ จอมเสนา พระนามว่า พิมพิสาร ทรง
สักการะเคารพนับถือบูชา นอบน้อม พระองค์เป็นผู้อันพระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงสักการะ เคารพ นับถือ บูชานอบน้อม พระองค์เป็นผู้อันพราหมณ์
โปกขรสาติทรงสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม พระองค์เสด็จถึง
นครจัมปา ประทับอยู่ ณ ขอสระโบกขรณีคัคครา ในนครจัมปา สมณะ
หรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มาสู่เขตบ้านของเรา ท่านเหล่านั้นจัดว่า
เป็นแขกของเรา และเป็นแขกอันเราควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา
นอบน้อม พระสมณโคดมเสด็จถึงนครจัมปา ประทับอยู่ ณ ขอบสระโบก-
ขรณีคัคครา ในนครจัมปา พระองค์ทรงเป็นแขกของพวกเรา และเป็นแขก
ที่เราควรสักการะเคารพนับถือ บูชา นอบน้อม เพราะเหตุฉะนี้แหละ พระ
องค์จึงไม่ควรเสด็จมาหาเรา ที่ถูก เราต่างหากควรจะไปเฝ้าพระองค์ ข้าพเจ้า

ทราบพระคุณของพระโคดมเพียงเท่านี้ แต่พระโคดมไม่ใช่มีพระคุณเพียง
เท่านี้ ความจริงพระองค์ มีพระคุณหาประมาณมิได้.
[183] เมื่อพราหมณ์โสณทัณฑะกล่าวอย่างนี้แล้ว พราหมณ์เหล่า
นั้นได้กล่าวว่า ท่านโสณทัณฑะกล่าวชมพระสมณโคดมถึงเพียงนี้ ถึง
หากพระโคดมพระองค์นั้น จะประทับอยู่ไกลจากที่นี้ตั้งร้อยโยชน์ ก็ควร
แท้ที่กุลบุตรผู้มีศรัทธาจะไปเฝ้า แม้จะต้องนำเสบียงไปก็ควร. พราหมณ์
โสณทัณฑะกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น เราทั้งหมดจักไปเฝ้าพระสมณโคดม.
ลำดับนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะพร้อมด้วยคณะพราหมณ์หมู่ใหญ่ไปถึง
สระโบกขรณีคัคครา. เมื่อผ่านพ้นราวป่าไปแล้ว ได้เกิดปริวิตกขึ้นอย่างนี้
ว่า ถ้าเราจะถามปัญหากะพระสมณโคดม หากพระองค์จะพึงตรัสกะเราอย่าง
นี้ว่า พราหมณ์ ปัญหาข้อนี้ท่านไม่ควรถามอย่างนั้น ที่ถูกควรจะถามอย่างนี้
ดังนี้ ชุมนุมชนนี้จะพึงดูหมิ่นเราได้ด้วยเหตุนั้นว่า พราหมณ์โสณทัณฑะ
เป็นคนเขลา ไม่ฉลาด ไม่อาจถามปัญหาโดยแยบคายกะพระสมณโคดม
ได้ ผู้ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่นพึงเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศก็เสื่อมจากโภคสมบัติ
เพราะได้ยศ เราจึงมีโภคสมบัติ ถ้าพระสมณโคดมจะพึงตรัสถามปัญหากะ
เรา และเราแก้ไม่ถูกพระทัย ถ้าพระองค์จะพึงตรัสกะเราอย่างนี้ว่า
พราหมณ์ ปัญหาข้อนี้ท่านไม่ควรแก้อย่างนั้น ที่ถูกควรจะแก้อย่างนี้ ดังนี้
ชุมนุมชนนี้จะพึงดูหมิ่นเราได้ด้วยเหตุนั้นว่า พราหมณ์เป็นคนเขลา ไม่ฉลาด
ไม่อาจแก้ปัญหาให้ถูกพระทัยพระสมณโคดมได้ ผู้ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่น พึง
เสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศก็พึงเสื่อมโภคสมบัติ เพราะได้ยศเราจึงมีโภคสมบัติ
อนึ่ง เราเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้แล้ว ยังมิได้เฝ้าพระสมณโคดม จะกลับเสีย
ชุมนุมชนนี้จะพึงดูหมิ่นเราได้ด้วยเหตุนั้นว่า พราหมณ์โสณทัณฑะเป็นคน-

เขลาไม่ฉลาด กระด้างด้วยมานะ เป็นคนฉลาด ไม่อาจเข้าเฝ้าพระสมณ-
โคดมได้ เข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้แล้ว ยังไม่ทันเฝ้าพระสมณโคดม ไฉนจึง
กลับเสีย ผู้ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่นพึงเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศก็พึงเสื่อมโภคสมบัติ
เพราะได้ยศเราจึงได้โภคสมบัติ.
[184] ลำดับนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค-
เจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัย
พอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ฝ่ายพราหมณ์
และคฤหบดีชาวนครจัมปา บางพวกก็ถวายอภิวาท บางพวกก็ปราศรัย
บางพวกก็ประนมอัญชลีไปทางพระผู้มีพระภาคเจ้า บางพวกก็ประกาศชื่อ
และโคตร บางพวกก็นิ่งอยู่ แล้วต่างก็นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ๆ. ได้
ยินว่า ในขณะนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะนั่งครุ่นคิดถึงแต่เรื่องนั้นว่า ถ้า
เราจะพึงถามปัญหากะพระสมณโคดม หากพระองค์จะพึงตรัสกะเราอย่างนี้
ว่า พราหมณ์ ปัญหาข้อนี้ท่านไม่ควรถามอย่างนั้น ที่ถูกควรจะถามอย่างนี้
ดังนี้ ชุมนุมชนนี้จะพึงดูหมิ่นเราด้วยเหตุนั้นว่า พราหมณ์โสณทัณฑะเป็น
คนเขลา ไม่ฉลาด ไม่อาจถามปัญหาโดยแยบคายกะพระสมณโคดมได้ ผู้
ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่น พึงเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศก็พึงเสื่อมโภคสมบัติ เพราะได้
ยศเราจึงมีโภคสมบัติ ถ้าพระสมณโคดมจะพึงตรัสถามปัญหากะเรา ถ้าเรา
แก้ไม่ถูกพระทัย ถ้าพระองค์จะพึงตรัสกะเราอย่างนี้ว่า พราหมณ์ ปัญหา
ข้อนี้ท่านไม่ควรแก้อย่างนี้ ที่ถูกควรจะแก้อย่างนี้ ดังนี้ ชุมนุมชนนี้จะพึงดู
หมิ่นเราได้ด้วยเหตุนั้นว่า พราหมณ์โสณทัณฑะเป็นคนเขลา ไม่ฉลาด ไม่
อาจแก้ปัญหาให้ถูกพระทัยพระสมณโคดมได้ ผู้ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่นพึงเสื่อม
ยศ ผู้เสื่อมยศก็พึงเสื่อมโภคสมบัติ เพราะได้ยศเราจึงมีโภคสมบัติ ถ้า

กระไร ขอพระสมณโคดมพึงตรัสถามปัญหากะเราในเรื่องไตรวิชาอันเป็น
ของอาจารย์ของเรา เราจะพึงแก้ให้ถูกพระทัยของพระองค์ได้เป็นแน่.
[185] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบความคิดในใจ
ของพราหมณ์โสณทัณฑะด้วยพระหฤทัย แล้วทรงดำริว่า พราหมณ์โสณ-
ทัณฑะนี้ลำบากใจตัวเองอยู่ ถ้ากระไร เราพึงถามปัญหาเขาในเรื่องไตร-
วิชาอันเป็นของอาจารย์ของเขา. ต่อแต่นั้น จึงได้ตรัสถามพราหมณ์โสณ-
ทัณฑะว่า ดูก่อนพราหมณ์ บุคคลผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไร พวกพราหมณ์
จงบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์ และเมื่อเขาจะกล่าวว่า เราเป็นพราหมณ์ ก็พึง
กล่าวได้โดยชอบ ทั้งไม่ต้องถึงมุสาวาทด้วย. พราหมณ์โสณทัณฑะดำริ
ว่า เราได้ประสงค์จำนงหมายปรารถนาว่าไว้แล้วว่า ถ้ากระไร ขอพระสมณ-
โคดมพึงตรัสถามปัญหากะเรา ในเรื่องไตรวิชาอันเป็นของอาจารย์ของเรา
เราพึงแก้ให้ถูกพระทัยของพระองค์ได้เป็นแน่นั้น เผอิญพระองค์ก็ตรัสถาม
ปัญหากะเราในเรื่องไตรวิชาอันเป็นของอาจารย์ของเรา เราจักแก้ปัญหาให้
ถูกพระทัยได้เป็นแน่ทีเดียว

พราหมณ์บัญญัติ


[186] ลำดับนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะจึงเผยอกายขึ้นเหลียวดูชุม-
นุมชนแล้วกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ บุคคล
ประกอบด้วยองค์ 5 ประการ พวกพราหมณ์ย่อมบัญญัติว่าเป็นพราหมณ์
และเมื่อเขาจะกล่าวว่า เราเป็นพราหมณ์ ก็พึงกล่าวได้โดยชอบ ทั้งไม่
ต้องถึงมุสาวาทด้วย องค์ 5 ประการเป็นไฉน ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
บุคคลผู้เป็นพราหมณ์ในโลกนี้
1. เป็นอุภโตสุชาต ทั้งฝ่ายมารดาและบิดา มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ