เมนู

12 โลหิจจสูตร


[351] ข้าพเจ้า ได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล พร้อม
ด้วยภิกษุหมู่ใหญ่ ประมาณ 500 รูป ประทับอยู่บ้านสาลวติกา ก็สมัยนั้น
โลหิจจพราหมณ์ ครอบครองบ้าน สาลวติกา ซึ่งมีประชาชนคับคั่ง มีหญ้า
ไม้ และน้ำ สมบูรณ์ อุดมไปด้วยธัญญาหาร ซึ่งเป็นราชทรัพย์ ที่พระเจ้า-
ปเสนทิโกศล พระราชทาน เป็นบำเหน็จเด็ดขาด.
[352] ก็สมัยนั้น ความเห็นอันลามก เห็นปานนี้เกิดขึ้น แก่
โลหิจจพราหมณ์ ว่า สมณะก็ดี พราหมณ์ก็ดีในโลกนี้ ควรบรรลุกุศลธรรม
ครั้นบรรลุกุศลธรรมแล้ว ไม่ควรบอกผู้อื่น เพราะผู้อื่นจักทำอะไรให้แก่
ผู้อื่นได้ บุคคลตัดเครื่องจองจำเก่าได้แล้ว พึงสร้างเครื่องจองจำอื่นใหม่
ฉันใด ข้ออุปมัยก็ฉันนั้น เรากล่าวธรรมคือความโลภว่า เป็นธรรมลามก
เพราะผู้อื่นจักทำอะไรแก่ผู้อื่นได้ ดังนี้.
โลหิจจพราหมณ์ ได้ยินมาว่า พระสมณโคดมศากยบุตร ทรงผนวช
จากศากยตระกูล เสด็จจาริกไปไนแคว้นโกศล พร้อมด้วยภิกษุหมู่ใหญ่
ประมาณ 500 รูป เสร็จถึงบ้านสาลวติกาแล้ว ก็กิตติศัพท์อันงามของ
พระโคดมผู้เจริญนั้น ได้แพร่หลายไปอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ถึงพร้อมด้วยวิชชา
และจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกคนที่ควรฝึก ไม่มี
ผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ตื่นแล้ว เป็น