เมนู

ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์
แจ่มแจ้งนัก เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่
คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้
ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ก็ฉันนั้น
เหมือนกัน ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระโคดมผู้เจริญ
พร้อมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ขอพระโคดมผู้เจริญจงทรงจำ
ข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ อย่างมอบกายถวายชีวิตตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป และขอพระโคดมผู้เจริญทรงรับภัตตาหารของข้าพระองค์ เพื่อ
เสวยในวันพรุ่งนี้ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับด้วย
ดุษณีภาพแล้ว ลำดับนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะทราบว่า พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงรับนิมนต์แล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทกระทำประทักษิณ
แล้วกลับ.

โสณทัณฑพราหมณ์ทูลความประสงค์ของตน


[197] ครั้นล่วงราตรีนั้นแล้ว พราหมณ์โสณทัณฑะได้ตกแต่งของ
เคี้ยวของฉันอันประณีต ในนิเวศน์ของตนเสร็จแล้วให้คนไปกราบทูลภัตต-
กาล แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ถึงเวลาแล้ว
ภัตตาหารเสร็จแล้ว. ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตรและจีวร เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของพราหมณ์โสณทัณฑะ
พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ แล้วประทับนั่ง ณ อาสนะที่เขาจัดไว้. พราหมณ์
โสณทัณฑะ ได้อังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยของเคี้ยว
ของฉันอันประณีต ให้อิ่มหนำด้วยมือของตนเสร็จแล้ว.
[198] ครั้งนั้น พราหมณ์โสณทัณฑะทราบแล้ว พระผู้มีพระภาค-
เจ้าเสวยเสร็จแล้ว วางพระหัตถ์จากบาตรแล้ว จึงถือเอาอาสนะต่ำกว่า นั่ง

ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ถ้าข้าพระ
องค์กำลังอยู่ในท่ามกลางชุมนุมชน จะพึงลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระ
โคดมผู้เจริญ ชุมนุมชนนั้นจะพึงดูหมิ่นข้าพระองค์ด้วยเหตุนั้นได้ ผู้ที่ถูก
ชุมนุมชนดูหมิ่นพึงเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศพึงเสื่อมจากโภคสมบัติ เพราะได้ยศ
ข้าพระองค์จึงมีโภคสมบัติ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ถ้าข้าพระองค์กำลัง
อยู่ในท่ามกลางชุมนุมชน จะพึงประคองอัญชลี ขอพระโคดมผู้เจริญจงเข้า
พระทัยว่า แทนการลุกจากอาสนะ ถ้าข้าพระองค์กำลังอยู่ในท่ามกลาง
ชุมนุมชน จะพึงเปลื้องผ้าโพกออก ขอพระโคดมผู้เจริญจงเข้าพระทัยว่า
แทนการอภิวาทด้วยศีรษะ ถ้าข้าพระองค์กำลังไปในยาน จะพึงลงจากยาน
แล้วถวายอภิวาทพระโคดม ชุมนุมชนนั้นจะพึงดูหมิ่นข้าพระองค์ด้วยเหตุนั้น
ได้ ผู้ที่ถูกชุมนุมชนดูหมิ่นย่อมเสื่อมยศ ผู้เสื่อมยศพึงเสื่อมจากโภคสมบัติ
เพราะได้ยศ ข้าพระองค์จึงมีโภคสมบัติ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ถ้าข้า
พระองค์จะพึงไปในยาน จะพึงยกปฏักขึ้น ขอพระโคดมผู้เจริญจงทรงเข้า
พระทัยว่า แทนการลงจากยานของข้าพระองค์ ถ้าข้าพระองค์กำลังไปใน
ยาน จะพึงลดร่มลง ขอพระโคดมผู้เจริญจงทรงเข้าพระทัยว่า แทนการ
อภิวาทด้วยศีรษะของข้าพระองค์ดังนี้.
ลำดับนั้นพระมีพระภาคเจ้า ได้ทรงยังพราหมณ์โสณทัณฑะ ให้
เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว เสด็จ
ลุกจากอาสนะเสด็จกลับ ดังนี้แล.
จบโสณทัณฑสูตร ที่ 4

อรรถกถาโสณทัณฑสูตร


เอวมฺเม สุตํ ฯ เป ฯ องฺเคสูติ โสณทณฺฑสุติตํ

.
ในโสณทัณฑสูตรนั้น มีการพรรณนาตามลำดับบท ดังต่อไปนี้
บทว่า ในอังคชนบท มีความว่า ราชกุมารทั้งหลาย นามว่า อังคะ
เป็นชาวชนบทที่มักเรียกกันอย่างนี้ ก็เพราะเป็นผู้มีรูปร่างน่าเลื่อมใส ชนบท
แม้เดียวซึ่งเป็นที่อาศัยอยู่ของราชกุมารเหล่านั้น ท่านก็เรียกว่า อังคชนบท
เพราะศัพท์เพิ่มเข้ามา. ในชนบทชื่ออังคะนั้น. บทว่า จาริก แม้ในชนบท
นี้ ท่านมุ่งหมายเอาการเสด็จจาริกไม่รีบร้อน และการเสด็จจาริกประจำ
ได้ยินว่า ในกาลนั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเล็งดูโลกธาตุทั้งหมื่นหนึ่ง
อยู่ โสณทัณฑพราหมณ์เข้าไปปรากฏในข่าย คือ พระญาณแล้ว.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพิจารณาอยู่ว่า พราหมณ์นี้ปรากฏในข่าย
คือญาณของเรา พราหมณ์นี้มีอุปนิสัยหรือไม่หนอ ก็ได้ทอดพระเนตรเห็น
ว่า เมื่อเราไป ณ ที่นั้น พวกลูกศิษย์ของเขาจะพากันกล่าวสรรเสริญ
พราหมณ์ด้วยอาการ 12 แล้วจะไม่ยอมให้เขามายังสำนักของเรา แต่
พราหมณ์นั้นจะทำลายวาทะของพวกลูกศิษย์เหล่านั้นเสียแล้ว กล่าวสรร-
เสริญเราด้วยอาการ 29 แล้วเข้ามาหาเราแล้วจักถามปัญหา ในที่สุดการ
เฉลยปัญหา เขาก็จักถึงสรณะ ดังนี้แล้ว พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ 500 รูปเป็น
บริวาร เสด็จไปสู่ชนบทนั้น. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในอังคชนบท เสด็จถึงเมืองจัมปา ดังนี้.