เมนู

มีจิตคล่อง มีจิตอ่อน มีจิตปราศจากนิวรณ์ มีจิตสูง มีจิตผ่องใสแล้ว
จึงทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วย
พระองค์เอง คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค โปรดพราหมณ์โปกขรสาติ
ดวงตาเห็นธรรมอันปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแล้วแก่
พราหมณ์โปกขรสาติว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น
ทั้งปวงมีความดับไปเป็นธรรมดา ณ ที่นั้นนั่นแล. เหมือนผ้าที่สะอาด
ปราศจากมลทินควรรับน้ำย้อมด้วยดี ฉะนั้น.

พราหมณ์โปกขรสาติแสดงตนเป็นอุบาสก


(177) ลำดับนั้น พราหมณ์โปกขรสาติ เห็นธรรม ถึงธรรม
รู้แจ้งธรรม หยั่งทราบธรรม ข้ามความสงสัย ปราศจากความเคลือบแคลง
ถึงความแกล้วกล้าแล้ว ไม่ต้องเชื่อถือผู้อื่นในสัตถุศาสนา ได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์
แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระองค์ทรงประกาศธรรม
โดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่
คนหลงทาง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยคิดว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูป ดังนี้
ฉันใด พระโคดมผู้เจริญทรงประกาศพระธรรมโดยอเนกปริยายฉันนั้น
เหมือนกัน ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้พร้อมทั้งบุตรและภริยา
บริษัทและอำมาตย์ ขอถึงพระองค์ พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์
เป็นสรณะ ขอพระสมณโคดมผู้เจริญจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสก
ผู้ถึงสรณะอย่างมอบกายถวายชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และขอพระองค์
จงเสด็จเข้าไปสู่สกุลโปกขรสาติ เหมือนเข้าไปสู่สกุลแห่งอุบาสกอื่น ๆ

ในนครอุกกัฏฐะ เหล่ามาณพมาณวิกาในสกุลโปกขรสาตินั้น จักไหว้
จักลุกรับ จักถวายอาสนะ หรือน้ำ จักเลื่อมใสในพระองค์ ข้อนั้น
จักเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่มาณพมาณวิกาเหล่านั้นสิ้นกาล
นาน. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนพราหมณ์ ท่านกล่าวชอบ
ดังนี้แล.
จบ อัมพัฏฐสูตร ที่ 3

อรรถกถาอัมพัฏฐสูตร


เอวมฺเม สุตํ ฯ เป ฯ โกสเลสุ อมฺพฏฺฐสุตฺตํ

ในอัมพัฏฐสูตรนั้น มีการพรรณนาตามลำดับบท ดังต่อไปนี้
บทว่า ในโกศลชนบท คือ ชนบทอันเป็นนิวาสสถานของพระราช
กุมารชาวชนบททั้งหลาย ผู้มีนามว่าโกศล แม้จะเป็นชนบทเดียวท่านก็
เรียกว่า โกสลา ( เป็นพหูพจน์) เพราะศัพท์เสริมเข้ามา ในชนบทชื่อ
โกศลนั้น.
ก็พระโบราณาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า ในกาลก่อนพระราชาทรงสดับ
ว่า พระราชกุมารนามว่า มหาปนาทะ ผู้ได้ดูการละเล่นมีละครต่าง ๆ
เป็นต้น ก็ไม่ทำอาการแม้สักว่ายิ้มแย้มเลย จึงได้ทรงมีรับสั่งว่า ผู้ใดทำ
ให้บุตรของเราหัวเราะได้ เราจะประดับประดาเขาผู้นั้นด้วยเครื่องอลังการ
ทั้งปวง. ตั้งแต่นั้นมา เมื่อเหล่ามหาชนต่างทอดทิ้งแม้คันไถมาร่วม
ประชุมกัน พวกมนุษย์ทั้งหลายถึงจะแสดงการละเล่นต่าง ๆ กันสิ้นเวลา
นานกว่า 7 ปี ก็มิสามารถจะให้พระราชกุมารนั้นทรงพระสรวลได้. ทีนั้น
ท้าวสักกเทวราช จึงทรงส่งพวกละครมาแสดงบ้าง. พระองค์ทรงแสดง
ละครอันเป็นทิพย์ จึงทรงทำให้พระราชกุมารทรงพระสรวลได้. ต่อมาพวก
มนุษย์เหล่านั้นต่างก็แยกย้ายกันกลับ บ่ายหน้าไปยังบ้านที่อาศัยของตน ๆ.
พวกเขาเจอมิตรและสหายเป็นต้นสวนทางมา เมื่อจะทำปฏิสันถาร (ทักทาย
ปราศรัย ) กัน ต่างก็พูดกัน ว่า กิญฺจิ โภ กุสลํ กิญฺจิโภ กุสลํ (ท่าน