เมนู

ศากยวงศ์


(149 ) อัมพัฏฐะ เรื่องเคยมีมาแล้ว พระเจ้าอุกกากราช ทรง
พระประสงค์พระราชทานสมบัติให้แก่พระโอรส ของพระมเหสี ผู้ที่ทรง
รักใคร่ โปรดปราน จึงทรงรับสั่งให้พระเชฏฐกุมาร คือพระอุกกามุข-
ราชกุมาร พระกรัณฑุราชกุมาร พระหัตถินีกราชกุมาร และพระสินี -
ปุรราชกุมาร
ออกจากพระราชอาณาเขต. พระราชกุนารเหล่านั้น เสด็จ
ออกจากพระราชอาณาเขตแล้ว จึงพากันไปตั้งสำนักอาศัยอยู่ ณ ราวป่าไม้
สากะใหญ่ ริมฝังสระโบกขรณีข้างภูเขาหิมพานต์. พระราชกุมารเหล่า
นั้นทรงสำเร็จการอยู่ร่วมกับพระภคินีของพระองค์เอง เพราะกลัวพระชาติ
จะระคนปนกัน.
อัมพัฏฐะ ต่อมาพระเจ้าอุกกากราช ตรัสถามหมู่อำมาตย์ราช
บริษัทว่า บัดนี้พวกกุมารอยู่กัน ณ ที่ไหน. พวกอำมาตย์กราบทูลว่า
ขอเดชะ มีราวป่าไม้สากะใหญ่อยู่ริมฝั่งสระโบกขรณีข้างภูเขาหิมพานต์
บัดนี้พระราชกุมารทั้งหลายอยู่ ณ ทีนั้น พระราชกุมารเหล่านั้นทรงสำเร็จ
การอยู่ร่วมกับพระภคินีของพระองค์เอง เพราะกลัวพระชาติจะระคนปน
กัน. อัมพัฏฐะ ทีนั้น พระเจ้าอุกกากราช ทรงเปล่งพระอุทานว่า
ท่านทั้งหลาย พวกกุมารสามารถหนอ พวกกุมารสามารถยอดเยี่ยมหนอ.
อัมพัฏฐะ ก็พวกที่ชื่อว่าศากยะก็ปรากฏตั้งแต่กาลครั้งนั้นเป็นต้นมา และ
พระเจ้าอุกกากราชพระองค์นั้นเป็นบรรพบุรุษของพวกศากยะ. และ
พระเจ้าอุกกากราช มีนางทาสีคนหนึ่งชื่อ ทิสา นางคลอดบุตรคนหนึ่ง
ชื่อ กัณหะ พอเกิดมาก็พูดได้ว่า แม่จงชำระฉัน จงให้ฉันอาบน้ำ แม่จ๋า

ขอแม่จงปลดเปลื้องฉันจากสิ่งโสโครกนี้ ฉันเกิดมาเพื่อประโยชน์แก่แม่.
อัมพัฏฐะ มนุษย์สมัยนี้ เรียกปิศาจว่า ปิศาจ ฉันใด มนุษย์สมัยนั้นก็
ฉันนั้น เรียกปิศาจว่า คนดำ. มนุษย์เหล่านั้นจึงกล่าวกันเช่นนี้ว่า ทารกนี้
พอเกิดมาก็พูดได้ คนดำเกิดแล้ว ปีศาจเกิดแล้ว. อัมพัฏฐะ. ก็พวกที่ชื่อ
ว่า กัณหายนะ ปรากฏตั้งแต่กาลนั้นเป็นต้นมา. และกัณหะนั้น เป็น
บรรพบุรุษของพวกกัณหายนะ. อัมพัฏฐะ เมื่อเธอระลึกถึงโคตรอันเก่า
แก่ อันเป็นของมารดาบิดาดู (ก็จะรู้ได้) พวกศากยะเป็นลูกเจ้า เธอเป็น
ลูกทาสีของพวกศากยะ ด้วยประการฉะนี้แล.

วงศ์ของอัมพัฏฐมาณพ


(150) เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว มาณพเหล่านั้น
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอพระโคดมผู้เจริญ อย่าทรง
เหยียดหยามอัมพัฏฐมาณพด้วยพระวาทะว่า เป็นลูกทาสีให้หนักนักเลย
ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อัมพัฏฐมาณพมีชาติดี เป็นบุตรผู้มีสกุล เป็น
พหูสูต เจรจาไพเราะ เป็นบัณฑิต และเธอสามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับ
พระโคดมผู้เจริญได้.
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะมาณพเหล่านั้นว่า ถ้าพวก
เธอคิดเช่นนี้ว่า อัมพัฏฐมาณพมีชาติทราม มิใช่บุตรผู้มีสกุล มีสุตะน้อย
เจรจาไม่ไพเราะ มีปัญญาทราม และไม่สามารถจะโต้ตอบในคำนี้กับ
พระสมณโคดมได้ อัมพัฏฐมาณพจงหยุดเสียเถิด พวกเธอจงโต้ตอบกับ
เราในคำนี้ ก็ถ้าพวกเธอคิดเช่นนี้ว่า อัมพักฐมาณพมีชาติดี เป็นบุตร
ผู้มีสกุล เป็นพหูสูต เจรจาไพเราะ เป็นบัณฑิต และสามารถจะโต้ตอบ