เมนู

ฉะนั้น จึงชื่อว่าผู้เห็นวิเวก. กองอาบัติเหล่าใด อันพระอนันตชินะ ผู้คงที่
ผู้เห็นวิเวกนั้นทรงแสดงแล้ว.
ในคำว่า เอเกตฺถ สมฺมติ วินา สมเถหิ นี้ มีบทสัมพันธ์ดังนี้ :-
กองอาบัติ 7 เหล่าใด อันพระศาสดาทรงแสดงแล้ว ในกองอาบัติ 7
นั้น อาบัติแม้กองหนึ่ง เว้นจากสมถะทั้งหลายเสีย หาระงับไม่. โดยที่แท้
ธรรมเหล่านี้แม้ทั้งหมด คือ สมถะ 6 อธิกรณ์ 4 ย่อมระงับ คือย่อมถึง
ความประกอบโดยชอบ ด้วยสัมมุขาวินัย. แต่ในธรรมเหล่านี้ สัมมุขาวินัย
อย่างเดียวแล เว้นสมถะทั้งหลายเสียย่อมระงับ คือ ย่อมถึงความเป็นสมถะได้.
จริงอยู่ ขึ้นชื่อว่าความเว้นจากสมถะอื่นเสีย สำเร็จไม่ได้ แห่งสัมมุขาวินัยนั้น
หามีไม่ ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ในอาบัติ 7 กองนี้ อาบัติกองหนึ่ง
เว้นสมถะเสียก็ระงับได้. เนื้อความนี้ ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาทั้งหลายโดย
อธิบายนี้ก่อน. แต่ข้าพเจ้าถือเอาเนื้อความเพียงปฏิเสธแห่งนิบาต คือวินา ชอบ
ใจเนื้อความนี้ที่ว่า ข้อว่า เอเกตฺถ สมฺมติ วินา สมเถหิ มีความว่า
ในอาบัติ 7 กองนั่น กองอาบัติปาราชิกกองเดียว เว้นสมถะเสีย ก็ระงับได้
คือ ย่อมระงับด้วยสมถะทั้งหลายหามิได้. จริงอยู่ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้
ตรัสคำนี้ว่า อาบัติใดไม่มีส่วนเหลือ อาบัตินั้น ย่อมระงับด้วยอธิกรณ์ไหน
หามิได้ ย่อมระงับในสถานไหน หามิได้ ย่อมระงับด้วยสมถะไหน หามิได้.

[ผู้ทำลายสงฆ์ไปสู่อบาย]


บทว่า ฉอูนทิยฑฺฒสตา มีความว่า พึงทราบบุคคลผู้ทำลายสงฆ์
ต้องไปสู่อบาย 144 พวก ด้วยอำนาจหมวดแปด 18 หมวดเนื่องด้วยเภทกร-
วัตถุ 18 ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในสังฆเภทขันธกะอย่างนี้ว่า อุบาลี

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีความเห็นในประเภทแห่งอธัมมทิฏฐินั้น ว่า ไม่เป็น
ธรรม มีความเห็นในประเภทแห่งอธัมมทิฏฐินั้น ว่า เป็นธรรม มีความ
สงสัยในประเภทแห่งอธัมมทิฏฐินั้น มีความเห็นในประเภทแห่งธัมมทิฏฐินั้นว่า
เป็นอธรรม มีความสงสัยในประเภทแห่งธัมมทิฏฐินั้น มีความเห็นในประเภท
แห่งผู้มีความสงสัยนั้น ว่า เป็นอธรรม มีความเห็นในประเภท แห่งผู้มีความ
สงสัยนั้น ว่า เป็นธรรม มีความสงสัยในประเภทแห่งผู้มีความสงสัยนั้น ย่อม
แสดงอธรรม ว่าเป็นธรรม.
สองบทว่า อฏฺฐารส นาปายิกา ได้แก่ ชน 18 พวก ที่พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัส ในที่สุดแห่งสังฆเภทขันธกะ นับหมวดละพวกอย่างนี้ว่า
อุบาลี ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีความเห็นในประเภทแห่งธัมมทิฏฐินั้น ว่า
เป็นธรรม ไม่ยืนยันความเห็น ไม่อิงความพอใจ ไม่อิงความชอบใจ ย่อม
แสดงธรรม ว่า เป็นธรรม ย่อมสวดประกาศ ให้จับสลาก ด้วยคำว่า นี้
เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นสัตถุศาสนา ท่านทั้งหลายจงจับสลากนี้ จงชอบ
ใจสลากนี้ อุบาลี ภิกษุแม้นี้แลเป็นผู้ทำลายสงฆ์ แต่หาไปสู่อบายไม่ หาไป
สู่นรกไม่ หาตั้งอยู่ตลอดกัลป์ไม่ มิใช่ผู้เยียวยาไม่ได้.
หมวดแปด 18 หมวด ได้กล่าวเสร็จแล้วในคำวิสัชนาด้วยบุคคลผู้ทำ
ลายสงฆ์ 144 พวก.
วิสัชนาคาถาทั้งปวง มีว่า กติ กมฺมานิ เป็นต้น ตื้นทั้งนั้นฉะนี้แล.
อปรทุติยคาถาสังคณิก วัณณนา จบ

เสทโมจนคาถา


[1,296] บุคคลไม่มีสังวาสกับภิกษุ
และภิกษุณี การสมโภคบางอย่าง อันภิกษุ
และภิกษุณีย่อมไม่ได้ในบุคคลนั้น ไม่ต้อง
อาบัติเพราะไม่อยู่ปราศ ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,297] ครุภัณฑ์ 5 อย่าง อัน
พระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ตรัสว่า
ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้จำหน่าย ผู้ใช้สอย
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คิดกันแล้ว.

[1,298] ข้าพเจ้าไม่กล่าวถึง บุคคล
10 จำพวก เว้นบุคคล 11 จำพวกเสีย ภิกษุ
ไหว้ผู้แก่กว่าต้องอาบัติ ปัญหาข้อนี้ ท่าน
ผู้ฉลาดทั้งหลายคิดกันแล้ว.

[1,299] ภิกษุไม่ใช่ผู้ถูกยกวัตร ไม่
ใช่ผู้อยู่ปริวาส ไม่ใช่ผู้ทำลายสงฆ์และไม่
ใช่ผู้หลีกไปเข้ารีตตั้งอยู่ในภูมิของภิกษุผู้มี
สังวาสเสมอกัน ไฉนจงไม่ทั่วไปแก่สิกขา
ปัญหาข้อนี้ ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย คิดกันแล้ว.