เมนู

สองบทว่า ฉ กมฺมานิ มีความว่า กรรม 6 อย่าง ที่ตรัสไว้อย่างนี้
คือ กรรมไม่เป็นธรรม กรรมเป็นวรรค กรรมพร้อมเพรียง กรรมเป็นวรรค
โดยอาการเทียมธรรม กรรมพร้อมเพรียงโดยอาการเทียมธรรม กรรมพร้อม-
เพรียง โดยธรรม.
หลายบทว่า เอเกตฺถ ธมฺมิกา กตา มีความว่า ในกรรม 6
อย่างนี้ กรรมพร้อมเพรียงโดยธรรมอย่างเดียวเท่านั้น ตรัสเป็นกรรมที่ชอบ
ธรรม.
แม้ในคำตอบในคาถาที่ 2 กรรมพร้อมเพรียงกันโดยธรรมนั่นแล ก็
เป็นกรรมชอบธรรม (เหมือนกัน).

[ว่าด้วยอาบัติระงับและไม่ระงับ]


สองบทว่า ยํ เทสิตํ มีความว่า กองอาบัติเหล่าใด อันพระอนัน-
ตชินเจ้าทรงแสดงแล้วตรัสแล้ว คือประกาศแล้ว.
วินิจฉัยในคำว่า อนนฺตชิเนน เป็นต้น พึงทราบดังนี้ :-
นิพพานเรียกว่า อนันตะ เพราะเว้นจากความเป็นธรรมมีที่สุดรอบที่
บัณฑิตจะกำหนดได้. นิพพานนั้น อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปราบปรามกอง
กิเลส ชำนะแล้ว ชำนะเด็ดขาดแล้ว คือ บรรลุแล้ว ถึงพร้อมแล้ว เปรียบ
เหมือนราชสมบัติอันพระราชาทรงปราบปรามหมู่ข้าศึกได้แล้วฉะนั้น. เพราะ
เหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า บัณฑิตจึงขนานพระนามว่า อนันตชินะ.
พระอนันตชินะนั้นแล ชื่อว่าผู้คงที่ เพราะเป็นผู้ไม่มีวิการ ในเพราะ
อิฏฐารมณ์และอนิฏฐารมณ์. พระองค์ทรงเห็นวิเวก 4 กล่าวคือ ตทังควิเวก
วิกขัมภนวิเวก สมุจเฉทวิเวก ปฏิปัสสัทธิวิเวก และนิสสรณวิเวก เพราะ

ฉะนั้น จึงชื่อว่าผู้เห็นวิเวก. กองอาบัติเหล่าใด อันพระอนันตชินะ ผู้คงที่
ผู้เห็นวิเวกนั้นทรงแสดงแล้ว.
ในคำว่า เอเกตฺถ สมฺมติ วินา สมเถหิ นี้ มีบทสัมพันธ์ดังนี้ :-
กองอาบัติ 7 เหล่าใด อันพระศาสดาทรงแสดงแล้ว ในกองอาบัติ 7
นั้น อาบัติแม้กองหนึ่ง เว้นจากสมถะทั้งหลายเสีย หาระงับไม่. โดยที่แท้
ธรรมเหล่านี้แม้ทั้งหมด คือ สมถะ 6 อธิกรณ์ 4 ย่อมระงับ คือย่อมถึง
ความประกอบโดยชอบ ด้วยสัมมุขาวินัย. แต่ในธรรมเหล่านี้ สัมมุขาวินัย
อย่างเดียวแล เว้นสมถะทั้งหลายเสียย่อมระงับ คือ ย่อมถึงความเป็นสมถะได้.
จริงอยู่ ขึ้นชื่อว่าความเว้นจากสมถะอื่นเสีย สำเร็จไม่ได้ แห่งสัมมุขาวินัยนั้น
หามีไม่ ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ในอาบัติ 7 กองนี้ อาบัติกองหนึ่ง
เว้นสมถะเสียก็ระงับได้. เนื้อความนี้ ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาทั้งหลายโดย
อธิบายนี้ก่อน. แต่ข้าพเจ้าถือเอาเนื้อความเพียงปฏิเสธแห่งนิบาต คือวินา ชอบ
ใจเนื้อความนี้ที่ว่า ข้อว่า เอเกตฺถ สมฺมติ วินา สมเถหิ มีความว่า
ในอาบัติ 7 กองนั่น กองอาบัติปาราชิกกองเดียว เว้นสมถะเสีย ก็ระงับได้
คือ ย่อมระงับด้วยสมถะทั้งหลายหามิได้. จริงอยู่ แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้
ตรัสคำนี้ว่า อาบัติใดไม่มีส่วนเหลือ อาบัตินั้น ย่อมระงับด้วยอธิกรณ์ไหน
หามิได้ ย่อมระงับในสถานไหน หามิได้ ย่อมระงับด้วยสมถะไหน หามิได้.

[ผู้ทำลายสงฆ์ไปสู่อบาย]


บทว่า ฉอูนทิยฑฺฒสตา มีความว่า พึงทราบบุคคลผู้ทำลายสงฆ์
ต้องไปสู่อบาย 144 พวก ด้วยอำนาจหมวดแปด 18 หมวดเนื่องด้วยเภทกร-
วัตถุ 18 ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ในสังฆเภทขันธกะอย่างนี้ว่า อุบาลี