เมนู

หลายบทว่า มาติกานญฺจ ปลิโพธานญฺจ ได้แก่ มาติกา 8 และ
ปลิโพธ 2.
บทว่า วตฺถุสฺส ได้แก่ วัตถุควรแก่กฐิน มีสังฆาฏิเป็นต้น.
คำที่เหลือ มีนัยดังกล่าวแล้วนั้นแล.

[ว่าด้วยปัจจัยประโยคเป็นอาทิ]


พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสถามถึงบุพกรณ์เป็นต้น ซึ่งได้โดย
ความเป็นปัจจัย และประโยคเป็นต้น ซึ่งไม่ได้โดยความเป็นปัจจัย อย่างนั้น
ทั้งหมดแล้ว บัดนี้ จะแสดงบุพกรณ์ เป็นต้น ซึ่งได้โดยความเป็นปัจจัย
แห่งประโยคเป็นต้นนั่นแล แล้วจึงตรัสคำวิสัชนา โดยนัยมีคำว่า ปุพฺพกรณํ
ปโยคสฺส
เป็นต้น.
เนื้อความแห่งคำวิสัชนา พึงทราบดังนี้:-
ข้าพเจ้าจะกล่าวเฉลยในคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ปโยคสฺส
กตเม ธมฺมา
เป็นต้น, บุพกรณ์เป็นปัจจัย โดยอนันตรปัจจัยแห่งประโยค
เป็นปัจจัยโดยสมนันตรปัจจัย นิสสยปัจจัย และอุปนิสสปัจจัยแห่งประโยค.
จริงอยู่ บุพกรณ์แม้ทั้ง 7 อย่าง ย่อมเป็นปัจจัยโดยปัจจัย 4 เหล่า-
นี้แห่งประโยค เพราะเหตุที่ประโยคนั้น อันภิกษุย่อมกระทำเพื่อประโยชน์แก่
บุพกรณ์ อันตนพึงให้สำเร็จด้วยประโยคนั้น. แต่ประโยคนั้น ย่อมไม่ได้แม้
ซึ่งธรรมอันหนึ่ง ในธรรมทั้งหลายที่ได้อุทเทสแล้ว ในความเป็นปุเรชาตปัจจัย
ประโยคนั้น ชื่อว่าเป็นปุเรชาตปัจจัยเองแห่งบุพกรณ์โดยแท้ เพราะเมื่อ
ประโยคมี บุพกรณ์จึงสำเร็จ. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ประโยคเป็นปัจจัยแห่งบุพกรณ์ โดยเป็นปุเรชาตปัจจัย.

อนึ่ง ประโยคย่อมได้ปัจฉาชาตปัจจัย. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาค-
เจ้าจึงตรัสว่า บุพกรณ์เป็นปัจจัยแห่งประโยค โดยเป็นปัจฉาชาตปัจจัย.
จริงอยู่ ประโยคนั้น อันภิกษุย่อมทำ เพื่อประโยชน์แก่บุพกรณ์ ซึ่งเกิด
ภายหลัง. แต่เว้นธรรม 15 กล่าวคือ มาติกาปลิโพธและอานิสงส์เสียแล้ว
ในบรรดาธรรมมีประโยคเป็นอาทิ ธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่ได้สหชาต-
ปัจจัย. เพราะว่า ธรรม 15 นั้นเท่านั้น ย่อมสำเร็จพร้อมกันกับการกราน
กฐิน เพราะฉะนั้น จึงเป็นสหชาตปัจจัยอาศัยกันและกันได้. ด้วยเหตุนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ธรรม 15 เป็นปัจจัย โดยเป็นสหชาตปัจจัย.
วิสัชนาบททั้งปวง พึงทราบโดยอุบายนี้.
ปุจฉาวิสัชนามีอาทิว่า บุพกรณ์มีอะไรเป็นนิทาน ตื้นทั้งนั้น.

[ว่าด้วยนิทานแห่งประโยคเป็นอาทิ]


วินิจฉัยในวิสัชนาสองปัญหาว่า ประโยคมีอะไรเป็นนิทาน เป็นอาทิ
พึงทราบดังนี้ :-
ในคำว่า ประโยคมีเหตุเป็นนิทาน มีปัจจัยเป็นนิทาน นี้ จีวร 6 ชนิด
พึงทราบว่า เป็นเหตุและเป็นปัจจัย. จริงอยู่ จีวรเหล่านั้นแลเป็นเหตุ จีวร
เหล่านั้นเป็นปัจจัยแห่งธรรมทั้งปวงมีบุพประโยคเป็นต้น. เมื่อจีวร 6 ชนิด
ไม่มี ประโยคก็หามีไม่ บุพกรณ์เป็นต้นก็หามีไม่แล เพราะเหตุนั้น พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ประโยคมีเหตุเป็นนิทาน เป็นต้น.
วินิจฉัยในสังคหวาร พึงทราบดังนี้ :-
บทว่า วจีเภเทน ได้แก่ การลั่นวาจานี้ว่า ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วย
สังฆาฏินี้, ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยอุตราสงค์นี้ ข้าพเจ้ากรานกฐินด้วยอันตรวา-
สกนี้.