เมนู

ภิกษุแสดงธรรมว่า ธรรม ชื่อว่า ย่อมพินิจในสถานะควรพินิจ. . .
ภิกษุแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมพินิจใน
สถานะควรพินิจ
ภิกษุแสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมพินิจ
ในสถานะควรพินิจ
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ย่อมพินิจในสถานะควรพินิจ.

ว่าด้วยเพ่งเล็ง


[1,110] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง
ตอบว่า ภิกษุแสดงอธรรมว่า อธรรม ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะ
ควรเพ่งเล็ง
ภิกษุแสดงธรรมว่า ธรรม ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง. . .
ภิกษุแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งใน
สถานะควรเพ่งเล็ง
ภิกษุแสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็ง
ในสถานะควรเพ่งเล็ง
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ย่อมเพ่งเล็งในสถานะควรเพ่งเล็ง.

ว่าด้วยความเลื่อมใส


[1,111] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า เลื่อมใสในสถานะควรเลื่อมใส
ตอบว่า ภิกษุแสดงอธรรมว่า อธรรม ชื่อว่า ย่อมเลื่อมใสในสถานะ
ควรเลื่อมใส

ภิกษุแสดงธรรมว่า ธรรม ชื่อว่า ย่อมเลื่อมใสในสถานะควรเลื่อมใส. . .
ภิกษุแสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเลื่อมใสใน
สถานะควรเลื่อมใส
ภิกษุแสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ ชื่อว่า ย่อมเลื่อมใส
ในสถานะควรเลื่อมใส
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ย่อมเลื่อมใสในสถานะควรเลื่อมใส.

ว่าด้วยดูหมิ่นพรรคพวกอื่น


[1,112] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า ย่อมดูหมิ่นพรรคพวกอื่นด้วย
เข้าใจว่า เราได้พรรคพวกแล้ว
ตอบว่า ภิกษุบางรูปในพระธรรนวินัยนี้ เป็นผู้ได้พรรคพวก ได้
บริวาร มีพรรคพวก มีญาติ คิดว่า ผู้นี้ไม่ได้พรรคพวก ไม่ได้บริวาร ไม่
มีพรรคพวก ไม่มีญาติ จึงดูหมิ่นภิกษุนั้น ย่อมแสดงอธรรมว่า ธรรม
แสดงธรรมว่า อธรรม. . . แสดงอาบัติชั่วหยาบว่า อาบัติไม่ชั่วหยาบ แสดง
อาบัติไม่ชั่วหยาบว่า อาบัติชั่วหยาบ
อย่างนี้ ภิกษุชื่อว่า ดูหมิ่นพรรคพวกอื่น ด้วยเข้าใจว่า เราได้พรรค
พวกแล้ว.

ว่าด้วยดูหมิ่นภิกษุมีสุตะน้อย


[1,113] ถามว่า อย่างไร ชื่อว่า ดูหมิ่นท่านผู้มีสุตะน้อยด้วยเข้าใจ
ว่า เรามีสุตะมาก