เมนู

ทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุทั้งหลายผู้เช่นคุณ ว่า ภิกษุผู้อุปสมบทในวันนั้นรื้อต้อง
อุกโกฏนกปาจิตตีย์ จงไปแสดงอาบัติเสีย. แม้ในอาคันตุกะก็นัยนี้แล.
บทว่า การโก มีความว่า ภิกษุทั้งหลายผู้แพ้ พูดกะภิกษุรูปหนึ่ง
ผู้ไปสู่บริเวณวินิจฉัยอธิกรณ์พร้อมกับสงฆ์ ว่า ทำไมพวกท่านจึงตัดสินอธิกรณ์
อย่างนั้นเล่า ขอรับ ควรตัดสินอย่างนี้ มิใช่หรือ ? ภิกษุนั้นกล่าวว่า เหตุไร
ท่านจึงไม่พูดอย่างนี้เสียก่อนเล่า ? ดังนี้ ชื่อว่ารื้ออธิกรณ์นั้น ภิกษุใดเป็น
ผู้ทำ รื้ออธิกรณ์อย่างนั้น เป็นอุกโกฏนกปาจิตตีย์แม้แก่ภิกษุนั้น.
บทว่า ฉนฺททายโก มีความว่า ภิกษุรูปหนึ่งมอบฉันทะในการ
วินิจฉัยอธิกรณ์แล้ว เห็นพวกภิกษุผู้เป็นสภาคกันแพ้มาเป็นผู้ซบเซาจึงกล่าวว่า
พรุ่งนี้แล ข้าพเจ้าจักตัดสินเอง ให้สงฆ์ประชุมกันแล้ว อันภิกษุทั้งหลาย
กล่าวว่า ให้ประชุมสงฆ์ เพราะเหตุไร ? จึงตอบว่า เมื่อวาน อธิกรณ์ตัด
สินไม่ดี วันนี้ ข้าพเจ้าจักตัดสินอธิกรณ์นั้นเอง. ก็เมื่อวาน ท่านไปไหนเสีย
เล่า ? ข้าพเจ้ามอบฉันทะแล้วนั่งอยู่. เธออันภิกษุทั้งหลายพึงกล่าวว่า อาวุโส
สิกขาบทนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแล้วแก่ภิกษุทั้งหลายผู้เช่นท่าน
ว่า ผู้มอบฉันทะ รื้อ ต้องอุกโกฏนกปาจิตตีย์ จงไปแสดงอาบัติเสีย.

[ว่าด้วยนิทานเป็นต้นแห่งอธิกรณ์]


วินิจฉัยในคำว่า วิวาทาธิกรณํ กึนิทานํ เป็นอาทิพึงทราบดังนี้:-
ชื่อว่ามีอะไรเป็นนิทาน เพราะอรรถว่า อะไรเป็นเหตุอำนวยแห่ง
อธิกรณ์นั้น.