เมนู

สองบทว่า จตฺตาริ อนญฺญปาจิตฺติยานิ มีความว่า ปาจิตตีย์ 4
สิกขาบทนี้คือ สิกขาบทว่าด้วยสำเร็จการนอนเบียด, สิกขาบทที่ว่า เอหาวุโส
คามํ วา นิคมํ วา
เป็นอาทิ, สิกขาบทว่าด้วยแกล้งก่อความรำคาญ,
สิกขาบทว่าด้วยแอบฟัง ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้อย่างนี้ว่า ทำความหมาย
อย่างนี้เท่านั้นให้เป็นปัจจัยหาใช่อย่างอื่นไม่ เป็นปาจิตตีย์.
สองบทว่า จตสฺโส ภิกฺขุสมฺมติโย มีความว่า สมมติในที่อื่น
พ้นจากสมมติ 13 ที่มาแล้วอย่างนี้ว่า ถ้าภิกษุอยู่ปราศจากไตรจีวรแม้สิ้นราตรี
1 เว้น เสียแต่ภิกษุได้สมมติ, ถ้าภิกษุ. . .พึงไห้ทำสันถัตอื่นใหม่ เว้นแต่ภิกษุ
ได้สมมติ, ถ้าเธออยู่ปราศจากยิ่งกว่านั้น เว้นไว้แต่ภิกษุได้สมมติ, พึงบอก
อาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่อนุปสัมบัน เว้นไว้แต่ภิกษุได้สมมติ.

[วินิจฉัยในคิลานจตุกกะ]


วินิจฉัยในคิลานจตุกกะ พึงทราบดังนี้:-
เมื่อออกปากขอเภสัชอื่น ด้วยความเป็นผู้ละโมบ ในเมื่อมีกิจที่จะ
ต้องทำด้วยเภสัชอื่น ภิกษุผู้อาพาธต้อง (อาบัติ).
เมื่อออกปากขอเภสัช ในเมื่อมีกิจที่จะต้องทำด้วยของมิใช่เภสัช ภิกษุ
ไม่อาพาธต้อง.
ภิกษุผู้อาพาธและไม่อาพาธทั้ง 2 ย่อมต้องอาบัติเพราะมุสาวาท
เป็นต้น. ทั้ง 2 ไม่ต้องอาบัติที่ไม่ทั่วไป (แก่ตน).
บทที่เหลือในที่ทั้งปวงตื้นทั้งนั้น ฉะนี้แล.
พรรณนาหมวด 4 จบ