เมนู

ตอบว่า ภิกษุแกล้งพรากกายมนุษย์จากชีวิต ต้องอาบัติ 3 คือ ขุดบ่อ
เจาะจงมนุษย์ว่าจักตกลงตาย ต้องอาบัติทุกกฏ 1 เมื่อตกแล้ว ทุกขเวทนา
เกิดขึ้น ต้องอาบัติถุลลัจจัย 6 ตาย ต้องอาบัติปาราชิก 1.
ภิกษุแกล้งพรากกายมนุษย์จากชีวิต ต้องอาบัติ 3 เหล่านี้.
[247] ถามว่า ภิกษุกล่าวอวดอุตริมนุสธรรม อันไม่มี ไม่เป็น
จริง ต้องอาบัติเท่าไร.
ตอบว่า ภิกษุกล่าวอวดอุตริมนุสธรรม อันไม่มี ไม่เป็นจริง ต้อง
อาบัติ 3 คือ ภิกษุมีความปรารถนาลามก ถูกความปรารถนาครอบงำ กล่าว
อวดอุตริมนุสธรรมอันไม่มี ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติปาราชิก 1 ภิกษุกล่าวว่า
ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเป็นพระอรหันต์ เมื่อผู้พึงเข้าใจความ
ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 เมื่อไม่เข้าใจความ ต้องอาบัติทุกกฏ 1.
ภิกษุกล่าวอวดอุตริมนุสธรรมอันไม่มี ไม่เป็นจริง ต้องอาบัติ 3
เหล่านี้.
ปาราชิก 4 สิกขาบท จบ

คำถามและคำตอบอาบัติในสังฆาทิเสสกัณฑ์


สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท


[248] ถามว่า ภิกษุพยายามปล่อยอสุจิ ต้องอาบัติเท่าไร.
ตอบว่า ภิกษุพยายามปล่อยอสุจิ ต้องอาบัติ 3 คือ ตั้งใจพยายาม
อสุจิเคลื่อน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 ตั้งใจพยายามแต่อสุจิไม่เคลื่อน ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย 1 เป็นทุกกฏในประโยค 1.

[249] ภิกษุถึงความเคล้าคลึงด้วยกายกับมาตุคาม ต้องอาบัติ 3
คือ ถูกต้องกายด้วยกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 เอากายถูกต้องของเนื่อง
ด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 เอาของเนื่องด้วยกาย ถูกต้องของเนื่องด้วยกาย
ต้องอาบัติทุกกฏ 1.
[250] ภิกษุพูดเคาะมาตุคามด้วยวาจาชั่วหยาบ ต้องอาบัติ 3 คือ
พูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงวัจจมรรค ปัสสาวมรรค ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1
พูดชมก็ดี พูดติก็ดี พาดพิงอวัยวะใต้รากขวัญลงมา เหนือหัวเข่าขึ้นไป
เว้นวัจจมรรค ปัสสาวมรรค ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 พูดชมก็ดี พูดติก็ดี
พาดพิงของเนื่องด้วยกาย ต้องอาบัติทุกกฏ 1.
[251] ภิกษุกล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ต้องอาบัติ 3 คือ
กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักมาตุคาม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1
กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักบัณเฑาะก์ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1
กล่าวคุณแห่งการบำเรอตนด้วยกาม ในสำนักดิรัจฉาน ต้องอาบัติทุกกฏ 1.
[252] ภิกษุถึงความเป็นผู้เที่ยวชักสื่อ ต้องอาบัติ 3 คือ รับคำ
นำไปบอก กลับมาบอก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1 รับคำ นำไปบอก แต่ไม่
กลับมาบอก ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 รับคำ แต่ไม่บอก ไม่กลับมาบอก ต้อง
อาบัติทุกกฏ 1.
[253] ภิกษุให้ทำกุฏิ ด้วยอาการขอเอาเอง ต้องอาบัติ 3 คือ
ให้ทำเป็นทุกกฏในประโยค 1 เนื้อก้อนดินอีกก้อนหนึ่งยังไม่มา ต้องอาบัติ-
ถุลลัจจัย 1 เมื่อก้อนดินนั้นมาแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.

[254] ภิกษุให้ทำวิหารใหญ่ ต้องอาบัติ 3 คือ ให้ทำเป็นทุกกฏ
ในประโยค 1 เมื่อก้อนดินอีกก้อนหนึ่งยังไม่มา ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 เมื่อ
ก้อนดินนั้นมาแล้ว ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.
[255] ภิกษุตามกำจัดภิกษุด้วยธรรมมีโทษถึงปาราชิก อันหามูล
มิได้ ต้องอาบัติ 3 คือ ไม่ให้ทำโอกาส ประสงค์จะให้เคลื่อน โจท ต้อง
อาบัติทุกกฏ 1 กับสังฆาทิเสส 1 ให้ทำโอกาสประสงค์จะด่า โจท ต้อง
อาบัติโอมสวาท 1.
[256] ภิกษุถือเอาเอกเทศบางอย่าง แห่งอธิกรณ์อันเป็นเรื่องอื่น
ให้เป็นเพียงเลศ ตามกำจัดภิกษุด้วยธรรมอันมีโทษถึงปาราชิก ต้องอาบัติ 3
คือ ไม่ให้ทำโอกาส ประสงค์จะให้เคลื่อน โจท ต้องอาบัติทุกกฏ 1 กับ
สังฆาทิเสส 1 ให้ทำโอกาส ประสงค์จะด่า โจท ต้องอาบัติโอมสวาท 1.
[257] ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบ 3 จบ
ไม่สละอยู่ ต้องอาบัติ 3 คือ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ 1 จบกรรมวาจา
สองครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.
[258] ภิกษุทั้งหลายผู้พระพฤติตามภิกษุผู้ทำลายสงฆ์ ถูกสวด
สมนุภาสน์กว่าจะครบ 3 จบ ไม่สละอยู่ ต้องอาบัติ 3 คือ จบบัญญัติ ต้อง
อาบัติทุกกฏ 1 จบกรรมวาจาสองครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 จบกรรมวาจา
ครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.
[259] ภิกษุผู้ว่ายาก ถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบ 3 จบ ไม่สละ
อยู่ ต้องอาบัติ 3 คือ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ 1 จบกรรมวาจาสองครั้ง
ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.

[260] ภิกษุผู้ประทุษร้ายสกุล ถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบ 3 จบ
ไม่สละอยู่ ต้องอาบัติ 3 คือ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ 1 จบกรรมวาจา
สองครั้ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย 1 จบกรรมวาจาครั้งสุด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส 1.
สังฆาทิเสส 13 สิกขาบท จบ

อาบัติในนิสสัคคิยกัณฑ์


กฐินวรรคที่ 1


[261] ภิกษุยังอติเรกจีวรให้ล่วง 10 วัน ต้องอาบัติ 1 คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[262] ภิกษุอยู่ปราศจากไตรจีวรสิ้นราตรีหนึ่ง ต้องอาบัติ 1 คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[263] ภิกษุรับอกาลจีวรแล้ว ให้ล่วงเดือนหนึ่งต้องอาบัติ 1 คือ
นิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[264] ภิกษุใช้ภิกษุณีผู้มิใช่ญาติ ให้ซักจีวรเก่า ต้องอาบัติ 2 คือ
ให้ซัก เป็นทุกกฏในประโยค 1 ให้ซักเสร็จแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[265] ภิกษุรับจีวรจากมือภิกษุณีผู้มีใช่ญาติ ต้องอาบัติ 2 คือ
รับเป็นทุกกฏในประโยค 1 รับจีวรแล้ว เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 1.
[266] ภิกษุขอจีวรต่อพ่อเจ้าเรือนก็ดี ต่อแม่เจ้าเรือนก็ดี ผู้มิใช่ญาติ
ต้องอาบัติ 2 คือ ขอเป็นทุกกฏในประโยค 1 ขอได้แล้ว เป็นนิสสัคคิยะ
ปาจิตตีย์ 1.