เมนู

พวกธรรมวาทีจักเสื่อมกำลัง พวกอวินัยวาที จักมีกำลัง พวกวินัยวาทีจักเสื่อม
กำลัง ท่านพระเรวตะรับคำท่านพระยสกากัณฑกบุตรแล้ว.
ปฐมภาณวาร จบ
[643] พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีทราบข่าวว่า พระยสกา-
กัณฑกบุตร ปรารถนาจักยกอธิกรณ์นี้ขึ้น กำลังแสวงหาฝักฝ่าย และข่าวว่า
ได้ฝักฝ่ายจึงคิดต่อไปว่า อธิกรณ์นี้แล หยาบช้า กล้าแข็ง พวกเราจะพึงได้
ใครเป็นฝักฝ่ายซึ่งเป็นเหตุให้พวกเรามีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้หนอ แล้วคิดต่อ
ไปว่า ท่านพระเรวตะนี้เป็นพหูสูต ชำนาญในคัมภีร์ ทรงธรรม ทรงวินัย
ทรงมาติกา เป็นผู้ฉลาดเฉียบแหลม เป็นนักปราชญ์ มีความละอาย มีความ
รังเกียจ ใคร่ต่อสิกขา ถ้าพวกเราได้ท่านพระเรวตะเป็นฝักฝ่าย เมื่อเป็นเช่นนี้
พวกเราจักมีกำลังกว่าในอธิกรณ์นี้
ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตร ชาวเมืองเวสาลี จัดแจงสมณบริขารเป็น
อันมาก คือ บาตรบ้าง จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง กล่องเข็มบ้าง ผ้ากายพันธ์
บ้าง ผ้ากรองน้ำบ้าง ธมกรกบ้าง แล้วขนสมณบริขารนั้นโดยสารเรือไปสู่
สหชาตินคร ขึ้นจากเรือแล้วพักผ่อนฉันภัตตาหารที่โคนไม้แห่งหนึ่ง.

เรื่องพระสาฬหเถระปริวิตก


[644] ครั้งนั้น ท่านพระสาฬหะ หลีกเร้นอยู่ในที่สงัด เกิดความ
ปริวิตกแห่งจิตขึ้นอย่างนี้ว่า ภิกษุพวกไหนหนอ เป็นธรรมวาที คือ พวก
ปราจีนหรือพวกเมืองปาฐา เมื่อท่านกำลังพิจารณาธรรมและวินัยได้คิดต่อไปว่า
ภิกษุพวกปราจีนเป็นอธรรมวาที ภิกษุ พวกเนืองปาฐาเป็นธรรมวาที ขณะนั้น