เมนู

สัตตสติกขันธกะ


เรื่องพระวัชชีบุตรแสดงวัตถุ 10 ประการ


[630] ก็โดยสมัยนั้นแล เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพาน
ล่วงได้ 100 ปี พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี แสดงวัตถุ 10 ประการใน
เมืองเวสาลี ว่าดังนี้ :-
1. เก็บเกลือไว้ในเขนงฉัน ควร
2. ฉันอาหารในเวลาบ่าย ล่วงสององคุลี ควร
3. เข้าบ้านฉันอาหารเป็นอนติริตตะ ควร
4. อาวาสมีสีมาเดียวกัน ทำอุโบสถต่าง ๆ กัน ควร
5. เวลาทำสังฆกรรม ภิกษุมาไม่พร้อมกันทำก่อนได้ ภิกษุมาทีหลัง
จึงบอกขอนุมัติ ควร
6. การประพฤติตามอย่าง ที่อุปัชฌาย์และอาจารย์ประพฤติมาแล้วควร
7. ฉันนมสดที่แปรแล้ว แต่ยังไม่เป็นนมส้ม ควร
8. ดื่มสุราอ่อน ควร
9. ใช้ผ้านิสีทนะไม่มีชาย ควร
10. รับทองและเงิน ควร.

เรื่องพระยสกากัณฑกบุตร


[631] สมัยนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตรเที่ยวจาริกในวัชชีชนบท
ถึงพระนครเวสาลี ข่าวว่า ท่านพระยสกากัณฑกบุตรพักอยู่ที่กูฎาคารศาลา
ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลีนั้น.

[632] สมัยนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี ถึงวันอุโบสถ
เอาถาดทองสัมฤทธิ์ตักน้ำเต็มตั้งไว้ ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ กล่าวแนะนำอุบาสก
อุบาสิกาชาวเมืองเวสาลี ที่มาประชุมกันอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงถวายรูปิยะ
แก่สงฆ์ กหาปณะหนึ่งก็ได้ กึ่งกหาปณะก็ได้ บาทหนึ่งก็ได้ มาสกหนึ่งก็ได้
สงฆ์จักมีกรณียะด้วยบริขาร เมื่อพระวัชชีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระยสกา-
กัณฑกบุตรจึงกล่าวกะอุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีว่า ท่านทั้งหลาย พวก
ท่านอย่าได้ถวายรูปิยะแก่สงฆ์ กหาปณะหนึ่งก็ตาม กึ่งกหาปณะก็ตาม บาทหนึ่ง
ก็ตาม มาสกหนึ่งก็ตาม ทองและเงินไม่ควรแก่สมณะเชื้อสายพระศากยบุตร
พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรไม่ยินดีทองและเงิน พระสมณะเชื้อสาย
พระศากยบุตรไม่รับทองและเงิน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร มีแก้ว
และทองวางเสียแล้ว ปราศจากทองและเงิน อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลี
แม้อันท่านพระยสกากัณฑกบุตรกล่าวอยู่อย่างนี้ ก็ยังขืนถวายรูปิยะแก่สงฆ์
กหาปณะหนึ่งบ้าง กึ่งกหาปณะบ้าง บาทหนึ่งบ้าง มาสกหนึ่งบ้าง.
ครั้นล่วงราตรีนั้นแล้ว พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลี ได้จัดส่วน
แบ่งเงินนั้นตามจำนวนภิกษุแล้ว ได้กล่าวกะท่านพระยสกากัณฑกบุตรว่า ท่าน
พระยส เงินจำนวนนี้เป็นส่วนของท่าน ท่านพระยสกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย
ฉันไม่มีส่วนเงิน ฉันไม่ยินดีเงิน.
[633] ครั้งนั้น พวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีกล่าวว่า ท่าน
ทั้งหลาย พระยสกากัณฑกบุตรนี้ ด่า บริภาษ อุบาสกอุบาสิกา ผู้มีศรัทธา
เลื่อมใส ทำให้เขาไม่เลื่อมใส เอาละ พวกเราจะลงปฎิสารณียกรรมแก่ท่าน
แล้วได้ลงปฏิสารณียกรรมแก่พระยสกากัณฑกบุตรนั้น.

ครั้งนั้น ท่านพระยสกากัณฑกบุตร ได้กล่าวกะพวกพระวัชชีบุตร
ชาวเมืองเวสาลีว่า ท่านทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า สงฆ์
พึงให้พระอนุทูตแก่ภิกษุผู้ถูกลงปฎิสารณียกรรม ขอพวกเธอจงให้พระอนุทูต
แก่ฉัน จึงพวกพระวัชชีบุตรชาวเมืองเวสาลีได้สมมติภิกษุรูปหนึ่งให้เป็นอนุทูต
แก่ท่านพระยสกากัณฑกบุตร.
ต่อมา ท่านพระยสกากัณฑกบุตร พร้อมด้วยพระอนุทูตพากันเข้าไป
สู่พระนครเวสาลี แล้วชี้แจงแก่อุบาสกอุบาสิกาชาวเมืองเวสาลีว่า อาตมาผู้
กล่าวสิ่งไม่เป็นธรรม ว่าไม่เป็นธรรม สิ่งเป็นธรรม ว่าเป็นธรรม สิ่งไม่
เป็นวินัย ว่าไม่เป็นวินัย สิ่งเป็นวินัย ว่าเป็นวินัย เขาหาว่า ด่า บริภาษท่าน
อุบาสกอุบาสิกาผู้มีศรัทธาเลื่อมใส ทำให้ไม่เลื่อมใส.

เครื่องเศร้าหมองของพระจันทร์พระอาทิตย์ 4 อย่าง


[634] พระยสกากัณฑกบุตรกล่าวต่อไปว่า ท่านทั้งหลาย สมัยหนึ่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี
เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระจันทร์พระอาทิตย์เศร้าหมอง เพราะเครื่องเศร้าหมอง
4 ประการนี้ จึงไม่แผดแสงไม่สว่าง ไม่รุ่งเรื่อง เครื่องเศร้าหมอง 4 ประการ
เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
1. พระจันทร์ พระอาทิตย์ เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ
หมอก จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรื่อง.
2. พระจันทร์ พระอาทิตย์ เศร้าหมองเพราะเครื่องเศร้าหมอง คือ
น้ำค้าง จึงไม่แผดแสง ไม่สว่าง ไม่รุ่งเรื่อง.