เมนู

จึงโพธิราชกุมาร กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงเหยียบผ้า ขอพระสุคตจงทรงเหยียบผ้า เพื่อความเกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่ข้าพระพุทธเจ้าสิ้นกาลนาน เมื่อโพธิราชกุมารกราบทูลอย่างนี้
แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดุษณีภาพ
แม้ครั้งที่สอง. . . แม้ครั้งที่สาม โพธิราชกุมารกราบทูลพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงเหยียบผ้า ขอพระสุคต
จงทรงเหยียบผ้าเพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ข้าพระพุทธเจ้าสิ้นกาลนาน
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำเลืองดูท่านพระอานนท์ จึงท่าน
พระอานนท์ได้ถวายพรแก่โพธิราชกุมารว่า จงม้วนผ้าเถิด พระราชกุมาร
พระผู้มีพระภาคเจ้าจักไม่ทรงเหยียบผ้า พระตถาคตอนุเคราะห์หมู่ชนชั้นหลัง
จึงโพธิราชกุมารรับสั่งให้ม้วนผ้า แล้วให้ปูอาสนะ ณ เบื้องบนโกกนุทปราสาท
ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสร็จขึ้นโกกนุทปราสาท แล้วประทับนั่งเหนืออาสนะที่
ปูถวายพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จึงโพธิราชกุมารทรงอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธ-
เจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีต ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์
จนพระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยแล้ว ทรงลดพระหัตถ์จากบาตร ห้ามภัตรแล้ว ได้
ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชี้แจง ให้โพธิราช-
กุมารเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญร่าเริง ด้วยธรรมีกถา เสด็จลุกจากอาสนะ
เสด็จกลับ.

ทรงห้ามเหยียบแผ่นผ้า


[123] หลังจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทำธรรมีกถาในเพราะ
เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเหยียบผืนผ้าที่ปูไว้ รูปใดเหยียบ ต้องอาบัติ
ทุกกฏ.