เมนู

ภิกขุนีขันธกะ


เรื่องพระนางมหาปชาบดีโคตมี


[513] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิโคร-
ธาราม เขตกรุงกบิลพัสดุ์ ในสักกชนบท ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายบังคมแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้น แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอประทานวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า
ขอสตรีพึงได้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคต
ประกาศแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลย โคตมี เธออย่าชอบใจ การที่
สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วเลย.
แม้ครั้งที่สอง . . .
แม้ครั้งที่สาม พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้กราบทูลพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าว่า ขอประทานวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอสตรีพึงได้ออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลย โคตมี เธออย่าชอบใจ การ
ที่สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วเลย.
ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมี ทรงน้อยพระทัยว่า พระผู้มี
พระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระ-
ธรรนวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว มีทุกข์ เสียพระทัย มีพระพักตร์นองด้วย
น้ำพระเนตร ทรงกันแสง พลางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า ทำประทักษิณ
เสด็จกลับไป.

[514] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ในกรุงกบิลพัสดุ์ ตาม
พระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จหลีกจาริกทางพระนครเวสาลี เสด็จจาริกโดยลำดับ
ถึงพระนครเวสาลี ข่าวว่า พระองค์ประทับอยู่ที่กูฏาคารสาลาป่ามหาวัน เขต
พระนครเวสาลีนั้น.
ครั้งนั้น พระนางมหาปชาบดีโคตมีให้ปลงพระเกสา ทรงพระภูษา
ย้อมฝาด พร้อมด้วยนางสากิยานีมากด้วยกัน เสด็จหลีกไปทางพระนครเวสาลี
เสด็จถึงเมืองเวสาลี กูฏาคารสาลาป่ามหาวัน โดยลำดับ เวลานั้นพระนางมี
พระบาททั้งสองพอง มีพระวรกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี มีทุกข์ เสียพระทัย มี
พระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ได้ประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวาร
ภายนอก.
ท่านพระอานนท์ได้เห็นพระนางมหาปชาบดีโคตมี มีพระบาททั้งสอง
พอง มีพระวรกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี มีทุกข์ เสียพระทัย มีพระพักตร์นอง
ด้วยน้ำพระเนตร ประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวารภายนอก ครั้นแล้วได้
ถามว่า ดูก่อนโคตมี เพราะเหตุไร พระนางจึงมีพระบาททั้งสองพอง มี
พระวรกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี มีทุกข์ เสียพระทัย มีพระพักตร์ชุ่มด้วยน้ำ
พระเนตร ประทับยืนกันแสงอยู่ที่ซุ้มพระทวารภายนอก.
พระนางตอบว่า พระอานนท์เจ้าข้า เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรง
อนุญาตให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระคถาคต
ประกาศแล้ว .
พระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนโคตมี ถ้าเช่นนั้น พระนางจงรออยู่ที่นี่
แหละสักครู่หนึ่ง จนกว่าอาตมาจะทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้าให้สตรีออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว .









[515] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวาย
บังคมนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า พระนาง
มหาปชาบดีโคตมีนั้น มีพระบาททั้งสองพอง มีพระวรกายเกลือกกลั้วด้วยธุลี
มีทุกข์ เสียพระทัย มีพระพักตร์นองด้วยน้ำพระเนตร ประทับยืนกันแสงอยู่
ที่ซุ้มพระทวารภายนอก ด้วยน้อยพระทัยว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาต
ให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศ
แล้ว ขอประทานวโรกาส ขอสตรีพึงได้การออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ใน
พระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลย อานนท์ เธออย่าชอบใจ การ
ที่สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วเลย
แม้ครั้งที่สอง ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอ
ประทานวโรกาส ขอสตรีพึงได้การออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระ-
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลย อานนท์ เธออย่าชอบใจ การ
ที่สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วเลย.
แม้ครั้งที่สาม ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ขอ
ประทานวโรกาส ขอสตรีพึงได้การออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระ
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสห้ามว่า อย่าเลย อานนท์ เธออย่าชอบใจ การ
ที่สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วเลย.
ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์คิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงอนุญาต
ให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศ

แล้ว ไฉนหนอ เราพึงทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้าให้สตรีออกจากเรือนบวชเป็น
บรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว โดยปริยายสักอย่างหนึ่ง
จึงทูลถามว่า พระพุทธเจ้าข้า สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในพระ
ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ควรหรือไม่เพื่อทำให้แจ้งแม้ซึ่งโสดา-
ปัตติผล สกิทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล.
พ. ดูก่อนอานนท์ สตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ในธรรม
วินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ควรเพื่อทำให้แจ้งแม้ซึ่งโสดาปัตติผล สกิทาคามิผล
อนาคามิผล หรืออรหัตผล.
อ. พระพุทธเจ้าข้า ถ้าสตรีออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต ใน
พระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว ควรเพื่อทำให้แจ้งแม้ซึ่งโสดาปัตติผล
สกิทาคามิผล อนาคามิผล อรหัตผลได้ พระพุทธเจ้าข้า พระนางมหาปชาบดี
โคตมี พระมาตุจฉาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงมีอุปการะมาก ทรงประคับ
ประคอง เลี้ยงดู ทรงถวายขีรธารา เมื่อพระชนนีสวรรคต ได้ให้พระผู้มี
พระภาคเจ้าเสวยขีรธารา ขอประทานวโรกาส ขอสตรีพึงได้การออกจากเรือน
บวชเป็นบรรพชิต ในพระธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

ครุธรรม 8 ประการ


[516] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนอานนท์ ถ้าพระนาง
มหาปชาบดีโคตมี ยอมรับครุธรรม 8 ประการ ข้อนั้นแหละ จงเป็นอุปสัมปทา
ของพระนาง คือ:-
1. ภิกษุณีอุปสมบทแล้ว 100 ปี ต้องกราบไหว้ ลุกรับ ทำอัญชลี
กรรม สามีจิกรรม แก่ภิกษุที่อุปสมบทในวันนั้น ธรรมแม้นี้ ภิกษุณีต้อง
สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ไม่ละเมิดตลอดชีวิต.